ประภัตร ปัดปิดปังเอเอสเอฟระบาด หมูแพงเพราะกลไกตลาดบิดเบือน

ประภัตร ปัดปิดปังเอเอสเอฟระบาด หมูแพงเพราะกลไกตลาดบิดเบือน

ประภัตร แจง เอเอสเอฟ ไม่กระทบราคาหมู แต่แพงเพราะกลไกการตลาดถูกบิดเบือน ชี้ไม่เคยปิดบังการระบาด แต่ร่วมทุกหน่วยงานคุมทุดด้าน 2 ปี เอาอยู่ทำไทยส่งออกได้ทั้งหมูเป็นและเนื้อหมูในตลาดเพื่อนบ้าน

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือเอเอสเอฟครบ100 ปีเริ่มจากเคนยา เข้ายุโรป เข้าจีน ปี 61  ขยายเข้า เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา ในปี 62 รวมทั้งได้พบหมูลอยน้ำมา เชียงแสน เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ปี 62

กรมปศุสัตว์ได้เดินทางไป ดูสถานการณ์ พร้อมเรียกประชุมทุกหน่วยงานรัฐเอกชน ให้ความร่วมมือเพราะเป็นอุบัติใหม่ และเริ่มดำเนินการตั้งด่านปิดพรมแดนไม่ให้เคลื่อนย้ายในพื้นที่เสี่ยงสูง   พร้อมตรวจสอบซากหมูพบ เอเอสเอฟ     ภายใต้งบประมาณ 1,100 ล้านบาท

 ตามหลักสากลเพื่อพบเชื้อต้องทำลายหมูบริเวณโดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตร ทำให้สามารถยับยั้งการระบาดมาได้ 2 ปี   แต่โรคหมูมี 3 อย่างที่คล้ายกันคือ  PRRS  เอเอสเอฟ และอหิวาต์   มีอาการคล้ายกัน คือ ซึม   ไม่กินอาหาร เดินไม่ได้ มีผื่นขึ้น ไม่มีวัคซีนรักษา    ไม่แพร่เชื้อสู่คนและสัตว์อื่น  ซึ่งในระหว่างนั้นยังส่งออกได้ทั้งหมูเป็นและเนื้อ  ปี 63 ส่งอออก 3 ล้านตัว ปี 64 1.3 ล้านตัว  ต่างประเทศยอมรับเพราะไม่พบเชื้อในหมูไทย

 

 แต่ เมื่อเกิดเอเอสเอฟระบาด 2.7 แสนตัวที่ตายไป เกษตรกรรายย่อยกระทบมากที่สุด รัฐบาลให้เงินชดเชยรายย่อย จ่ายไป100 % เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา

 

สำหรับปริมาณหมู แม่พันธุ์  มี 1.1 ล้านตัวต่อปี ขยายหมูขุน  1/20 ตัว  หรือ มีหมูในระบบ 19 ล้านตัว บริโภคในประเทศ  18 ล้านตัว ที่เหลือส่งออก 1.3 ล้านตัว  แต่ราคาหมูหน้าเขียงปรับเพิ่มขึ้น ในเดือน ต.ค. 64 ถึง กิโลกรัมละ  128 บาท และปรับเพิ่มขึ้นตามลำดับ  จึงสำรวจปริมาณหมู และสต็อก   พบว่ามี ถึง 25 ล้านกก. ซึ่งเพียงพอกับการบริโภค   แต่ราคาหมูที่เพิ่มขึ้นชัดเจนว่าเป็นผลจากการบิดเบือนการตลาด

ไม่ใช่เป็นผลมาจาก เอเอสเอฟ ที่ทำให้หมูตายและขาดตลาด เพราะปริมาณหมูเป็นอยู่ครบพอ และเนื้อมหูตรวจเช็คยังมีอยู่  ซึ่งตอนนี้ทุกคนยอมรับแล้วว่าเกิดจากความผิดพลาดทางการตลาด   พ่อค้าก็ต้องรู้ว่าสถานการณ์เหล่านี้ คือเทคนิคบิดเบือนกลไกทางการตลาด

“ ผม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ฯ ไม่เคยได้เคยได้ประโยชน์อะไรจากพ่อค้าหมู เลยเราพยายาม ทำเพื่อควบคุมแก้ไข และไม่ได้ปกปิดการระบาด อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวอ้าง  ในขณะที่ได้ช่วยเหลือผู้เลี้ยงรายย่อย โดยจ่ายเงินแล้วเสร็จไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา  จำนวน 1.8 แสนราย จากผู้เลี้ยงหมูทั้งหมด  1.9 แสนราย ที่เหลือ 4 พันรายเป็นรายกลางและรายใหญ่ “ 

รวมทั้งผู้เลี้ยงรายย่อย ได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต อบรม เพื่อให้เลี้ยงใหม่ภายใต้การยกระดับฟาร์มให้ดีขึ้นมีมาตรฐานมากขึ้น โดยมีเงินทุน 3 หมื่นล้านบาทให้กูยืม  ประสานกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทุกวิทยาเขต ผลิตลูกหมูให้เกษตรกรนำไปเลี้ยง เพื่อเร่งผลิตหมูเข้าตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว