วัดใจนายกฯ ‘ลด’ ภาษี 3 บาท กดราคาน้ำมันดีเซล

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ คาดว่าที่ประชุมจะพิจารณาวาระสำคัญคือ การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน

ซึ่งกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานได้หารือร่วมกันหลายครั้ง เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะลดภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาท จากปัจจุบันจัดเก็บในอัตรา 5.99 บาทต่อลิตร คาดว่าจะกระทบรายได้รัฐปีละกว่า 7 หมื่นล้านบาท จากที่มีรายได้จากภาษีน้ำมันดีเซลเดือนละประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือปีละกว่า 1.44 แสนล้านบาท ซึ่งโดยเฉลี่ยไทยใช้น้ำมันดีเซลวันละประมาณ 63 ล้านลิตร

การลดภาษีน้ำมันดีเซลจะมีผลกระทบโดยตรงต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล จึงมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่คัดค้าน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้วนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างไร

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ยืนยันว่า แนวทางการดูแลราคาพลังงานภายในประเทศจะผสมผสานกัน ระหว่างการใช้ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่มาตรการพยุงราคาน้ำมันเดิม ซึ่งปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลจากบี 7 เป็น บี 5 ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 จะรอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจำเป็นต้องขยายเวลาหรือไม่

 แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุ สิ่งที่จะเห็นชัดเจนจากการลดภาษีน้ำมันคือ ประชาชนได้ประโยชน์และส่งผลดีต่อผู้ใช้น้ำมันโดยตรง ขณะนี้เงินที่กระทรวงพลังงานสนับสนุนมาจากกองทุนน้ำมัน เพื่อตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยอุดหนุนลิตรละ 3.79 บาท โดยเงินไหลออกจากกองทุน เดือนละประมาณ 7 พันล้านบาท

ล่าสุดเงินในบัญชีกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565  ติดลบ 18,151 ล้านบาท ขณะที่กระแสเงินสดกองทุนน้ำมันอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท จะช่วยพยุงได้ราว 3 เดือนเท่านั้น โดยกองทุนน้ำมันอยู่ระหว่างการกู้เงิน 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะกู้ได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์