LPN ผลประกอบการ 4Q64: น่าผิดหวัง (11 ก.พ. 65)

ทางด้านยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยใน 4Q64 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (-47% YoY, +47% QoQ) แบ่งเป็น
i) โครงการแนวราบ 444 ล้านบาท (-35% YoY, +80% QoQ) และ ii) โครงการคอนโดมิเนียม 753 ล้านบาท (-53% YoY, +33% QoQ) โดยภาพรวมยอดโอนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง QoQ เป็นเพราะสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลง แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่พร้อมโอนในปี 2564 ในขณะที่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ถึงสามโครงการที่พร้อมโอนใน 4Q63 ซึ่งทำให้ฐานเปรียบเทียบสูง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในแง่ของอัตรากำไรพบว่าอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการที่อยู่อาศัยยังฟื้นตัวช้าอยู่ที่ 21.4% (-6.3ppts YoY, +0.4ppts QoQ) เนื่องจากมีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง

 

มีแผนรุกเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นในปี 2565F

LPN มีแผนจะเปิดโครงการใหม่คิดเป็นมูลค่ารวม 1.14 หมื่นล้านบาทในปี 2565F (+135% YoY) ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบสี่ปี ผู้บริหารคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าอุปสงค์จะโต 5-15% YoY (สอดคล้องกับประมาณการของ KGI ที่ +10%YoY) อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าการฟื้นตัวของโครงการคอนโดมิเนียมของ LPN ยังเปราะบางเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่มเพราะ backlog ยังต่ำและมีโครงการค้างสต็อกบางส่วนที่ล้าสมัย

 

 

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565-66F ลงจากเดิม 11%/2%

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-66F ลง 11%/2% เพื่อสะท้อนถึง i) แผนล่าสุดในการเปิดโครงการใหม่ และกิจกรรมกระตุ้นยอด presales ii) อัตรากำไรขั้นต้นที่แย่ลง

 

Valuation & action

เรา re-rate P/E เป้าหมายจากเดิมที่ 9.1x (-0.5 S.D.) เป็น 10.6x (เท่ากับค่าเฉลี่ย) ผลักดันจาก i) ผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ii) LPN กลับเข้าสู่วัฏจักรการลงทุนอีกครั้ง iii) เป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในธีมการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (inflation hedge play) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาหุ้นเหลือ upside จำกัด เราจึงยังคงคำแนะนำถือ โดยประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 5.10 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 4.90 บาท)

 

Risks

ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอลง