วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ก.พ. 65)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ก.พ. 65)

ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ท่ามกลางอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

+/- ราคาน้ำมันดิบทรงตัว จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในสหรัฐฯ และยุโรป อย่างไรก็ตามราคาได้รับแรงกดดันจากการรายงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแตะระดับ  7.5% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่าเขาต้องการให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1 ภายใน ก.ค. 65 เพื่อยับยั้งการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 329,000 บาร์เรล หรือคิดเป็น 1.5% ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมของโรงกลั่นในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 88.2 % นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ ต.ค. 61 เป็นการสะท้อนถึงอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น

+ ในรายงานเดิอน ก.พ. ของกลุ่มโอเปค (OPEC) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันของโลกอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าอุปสงค์น้ำมันของโลกจะเพิ่มขึ้น 4.15 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และจะแตะระดับ 100 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในไตรมาสสาม  
 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นของ อินเดียและอินโดนีเซีย อีกทั้งน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง 1.64 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา


ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งการส่งออกน้ำมันดีเซลของญี่ปุ่นที่ลดลงกว่า 9.5 % ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
 

 

 

 

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ก.พ. 65)