SAT จอดพักก่อนไปต่อ (10 กุมภาพันธ์ 2565)

SAT จอดพักก่อนไปต่อ (10 กุมภาพันธ์ 2565)

คาดกำไร 4Q ลดลง 27% yoy และ 18% qoq เป็น 176 ลบ. เราคงมุมมองปี 2022 เป็นบวกหนุนโดย (1) การฟื้นตัวของอุปสงค์, (2) ปัญหาขาดแคลนชิปผ่อนคลายลงและ (3) คำสั่งซื้อเพิ่มเติมจากรถกระบะโมเดลใหม่ราว 500 ลบ. เราคงคำแนะนำ ซื้อ TP 27.50 บาท

การผลิตรถยนต์เติบโตช้าลงใน 4Q ผลจากฐานที่ต่ำ

อ้างอิงสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (OIE) จำนวนผลผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 1% yoy เป็น 455,991 คัน ใน 4Q หนุนจากการผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้น 8% yoy ส่วนยอดผลิตรถยนต์ปี 2021 เติบโต 18% yoy

 

กำไร 4Q ลดลงจากต้นทุนเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายพิเศษ

คาดรายได้ 4Q เติบโต 23% yoy เป็น 2.2 พันลบ. จากออเดอร์ใหม่ส่งออกไปสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามกำไรขั้นต้น 4Q อาจลดลงเป็น 17% จาก 21% ใน 4Q20 เนื่องจากบริษัทต้องใช้เวลา 3-6 เดือนในการปรับราคาเพื่อสะท้อนผลของต้นทุนเหล็กที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทจะบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษการปรับโครงสร้างเป็น holding company ประมาณ 50 ลบ. เราจึงคาดกำไรสุทธิ 4Q ที่ 176ลบ. (-27% yoy, -18% qoq)

 

 

ภาพเชิงบวกในปี 2022

(FTI) ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ในปี 2022 ที่ 1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ปี 2021  FTI เคยตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 ล้านคัน ในเดือน ม.ค. และปรับเพิ่มเป้าหมายใน ก.ค. เป็น 1.6 ล้านคัน จบปีผลผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.69 ล้านคันเพิ่มขึ้น 18% นอกจากนี้ IHS คาดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2022 หนุนจากการเปิดเมืองรวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตชิป คาดปัญหาขาดแคลนชิปจะเริ่มผ่อนคลายลงใน 2Q22 เนื่องจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น (TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่มีส่วนแบ่งตลาดโลกที่ 53% เพิ่มกำลังการผลิต 30%ในปีที่ผ่านมา) และอุปสงค์ที่จะเริ่มลดลงสู่ระดับปกติจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้น เราคาดปริมาณผลิตรถยนต์ในไทยจะเติบโต 10% ใน 2022 หนุนโดย (1) การฟื้นตัวของอุปสงค์และ (2) ปัญหาขาดแคลนชิปผ่อนคลายลง

 

คงคำแนะนำ ซื้อ TP 27.50บาท

จาก (1) การฟื้นตัวของอุปสงค์, (2) ปัญหาชิปขาดแคลนผ่อนคลายลง และ (3) คำสั่งซื้อเพิ่มจากรถกระบะรุ่นใหม่ 500 ลบ. ซึ่งเรายังไม่รวมในประมาณการ โดย TP ของเราอ้างอิง 11.0x PER