ผู้ส่งออกหนุนรัฐตรึงดีเซล 30 บาท/ลิตร

ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. ชัยชาญ เจริญสุข ระบุ ภาวะการส่งออกของไทยช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 5% และการส่งออกปี 2565 จะขยายตัว 5-8% คิดเป็นมูลค่า 284,880 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีมูลค่า 271,314 ล้านดอลลาร์

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ ราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับสูง ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบจากข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติ พลังงานและถ่านหินเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สหภาพยุโรปอาจขาดแคลนพลังงานเนื่องจากยุโรปนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย 25-50% กรณีดังกล่าวส่งผลให้หมวดหมู่สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันมีมูลค่าสูงขึ้น และส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าเกือบทุกประเภท รวมถึงต้นทุนการขนส่งที่ คาดว่าราคาน้ำมันช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะอยู่ที่ 90-100 ดอลลาร์/บาร์เรล

นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิตอย่างต่อเนื่อง  ประกอบกับต้นทุนการจ้างงานปรับตัวสูงขึ้น กระทบการผลิตเพื่อการส่งออกที่กำลังฟื้นตัว รวมทั้งปัญหาความหนาแน่นของท่าเรือประเทศปลายทาง ทำให้ต้องใช้เวลานานในการขนถ่ายสินค้า ขณะที่อัตราค่าระวางเรือยังคงทรงตัวในระดับสูง

สรท.เห็นว่าภาครัฐควรตรึงราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพราะต้นทุนพลังงานมีสัดส่วนประมาณ 2-10% ของการผลิต หากราคาพลังงานสูงเกินไป จะกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตของแต่ละอุตสาหกรรม รวมทั้งควบคุมต้นทุนภาคการผลิตตลอดโซ่อุปทาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ วัตถุดิบขั้นกลางสำหรับการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

            นอกจากนี้ ภาครัฐควรพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำโดยอ้างอิงจากปัจจัยการปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อเป็นหลัก และขอให้พิจารณาปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการมีต้นทุนแรงงานที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการนำเข้าแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนประมาณ 12,000 บาท