สนค. ชี้ตลาดซาอุฯ โอกาสฟื้นฟูการค้า เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

สนค. ชี้ตลาดซาอุฯ โอกาสฟื้นฟูการค้า เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

สนค.วิเคราะห์ตลาดซาอุดิอาระเบียหลังไทยฟื้นความสัมพันธ์ ชี้ส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์รถยนต์ อัญมณี เครื่องประดับผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง มีแนวโน้มเติบโตสูง

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ทําการศึกษาโอกาสการส่งออกสินค้าไปตลาดซาอุดีอาระเบีย หลังมีการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมตลาดส่งออกสําคัญ ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเน้นการรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าให้กลับคืนมา 

โดยซาอุดีอาระเบียถือเป็นหนึ่งในตลาดเก่าที่จะฟื้นฟูการส่งออกให้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อน ให้ภาพรวมการส่งออกของไทยไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางขยายตัวเพิ่มขึ้น ซาอุฯถือเป็นตลาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคตะวันออกกลางรองจากตุรกีจากข้อมูลของธนาคารโลก (WorldBank) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ของซาอุฯอยู่ที่ประมาณ700ล้านล้านดอลลาร์
มีรายได้ต่อหัวเฉลี่ย 46,700 ดอลลาร์โดยคาดว่า ในปี 2565 เศรษฐกิจของซาอุฯ จะขยายตัวที่4.9 %จากราคาน้ํามันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ํามันจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จากการลงทุนที่ขยายตัวนอกจากนี้ ยังมองว่าเศรษฐกิจของซาอุฯในปี 2566 จะยังคงขยายตัวที่ 2.3%

สัดส่วนการส่งออกของไทยไปซาอุฯ ก่อนหน้าที่จะลดความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างกัน เฉลี่ยอยู่ที่2.4 %เฉลี่ยปี 2527 – 2531  และเริ่มลดลงนับแต่นั้น โดยปี 2533 การส่งออกไปซาอุฯ หดตัว11.0 %แต่ก็ยังมีการค้าระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสัดส่วนการส่งออกที่ลดลงก็ตาม ในปี 2548 สัดส่วนการส่งออกไปซาอุฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้น และมูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงถึง 63.6 %เนื่องจากซาอุฯ เข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และมี การเปิดกว้างทางการค้ากับต่างประเทศมากขึ้น หลังจากนั้น สัดส่วนการส่งออกไปซาอุฯ ปรับตัวดีขึ้นตามลําดับ ขณะที่ มูลค่าการส่งออกก็เติบโตได้ในเกณฑ์ดี จนกระทั่งปี 2558 การส่งออกเริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง ซาอุฯ จากที่เคยเป็น ตลาดส่งออกอันดับที่ 21 ในปี 2558 (มีสัดส่วน1.4% ต่อการส่งออกรวม ลดลงมาเป็นอันดับที่ 29 

ส่วนในปี 2564 มีสัดส่วน0.6% ต่อการส่งออกรวมจากผลกระทบของราคาน้ำมันดิบตกต่ำและความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยสินค้าที่หดตัวลงในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าว และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ อัญมณีและ เครื่องประดับ เม็ดพลาสติก และอาหารสัตว์เลี้ยง เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สําหรับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตในครั้งนี้ หากมองในแง่เศรษฐกิจการค้า ทั้ง 2 ฝ่าย สามารถสร้าง ความร่วมมือได้ใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ แรงงาน การลงทุน การท่องเที่ยว การค้า และอาหาร ซึ่ง สนค. ประเมินว่า การกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้า ทวิภาคี จะเป็นกลไกความร่วมมือที่สําคัญที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจ เปิดประตูการค้า และแสวงหาโอกาสในการลงทุน ร่วมกัน จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการส่งออกไปตลาดซาอุฯ โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปซาอุฯ จะสามารถ กลับไปเหนือระดับ 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ไทยเคยมีมูลค่าการส่งออกไปซาอุฯ สูงสุด (ปี 2557) และ คาดการณว์ ว่าในปี 2565 (ณ 1 ก.พ. 65) มูลค่าการค้ารวมระหว่างสองประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 280,336 ล้านบาท ขยายตัว 20.3 %โดยการส่งออก จะมีมูลค่า 54,678 ล้านบาท ขยายตัว 6.2 %การนําเข้า จะมีมูลค่า 225,658 ล้านบาท ขยายตัว24.3% และขาดดุลการค้า 170,980 ล้านบาท

สินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและ เครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ส่วนสินค้านําเข้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ น้ํามันดิบ เคมีภัณฑ์ น้ํามันสําเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน และส่วนประกอบและ อุปกรณ์ยานยนต์

นอกจากนี้ สนค. ได้ประเมินสินค้าส่งออกศักยภาพที่มีโอกาสและคุ้มค่าต่อการผลักดันไปยังตลาด ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในตลาดซาอุดีอาระเบียอยู่เดิม รวมถึงสินค้าที่ซาอุดีอาระเบีย มีแนวโน้มนําเข้าจากตลาดโลกเพิ่มขึ้นตลอด 3-5 ปีที่ผ่านมา ไว้ คือ

สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร อาทิ ข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง (เช่น มะพร้าว เม็ด
มะม่วงหิมพานต์) เนื้อปลาสด แช่เย็น แช่แข็ง ปลาปรุงแต่ง (เช่น ปลาทูน่าปรุงแต่ง) กาแฟ ขนมจากน้ําตาล (แบบไม่มี โกโก้ผสม) อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช เป็นต้น

ด้านสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ยางรถยนต์สําหรับรถยนต์นั่ง รถบัส และ รถบรรทุก ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องระบายอากาศหรือเครื่องหมุนเวียนอากาศที่มีพัดลมประกอบร่วมอยู่ด้วย เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสําหรับตัดต่อ หรือป้องกันวงจรไฟฟ้า เครื่องประดับเพชรพลอย อุปกรณ์ติดตั้งของหลอดหรือท่อ (เช่น ข้อต่อ ข้องอ ปลอกเลื่อน) ทําด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เอสเซนเชียลออยล์ เป็นต้น