BLA ก้าวสู่"ธุรกิจประกันชีวิตแห่งแรก "ชำระเบี้ยแบบไร้เงินสด 100%" เม.ย.นี้

BLA ก้าวสู่"ธุรกิจประกันชีวิตแห่งแรก "ชำระเบี้ยแบบไร้เงินสด 100%" เม.ย.นี้

กรุงเทพประกันชีวิต มั่นใจเดือนเม.ย.นี้เดินหน้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตแห่งแรกที่ชำระเบี้ยแบบไร้เงินสด 100% มั่นใจธุรกิจปีนี้โตต่อเนื่อง จากประกันสุขภาพ-ยูนิตลิงค์ หนุน ขณะที่ 11เดือนปี 64 เบี้ยรับรวมโต 2.97% พร้อมกางแผน 3 ปี ชู 5 ยุทธศาสตร์ สร้างความยั่งยืน

นายโชน โสภณพานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA  เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายในเดือนเม.ย.นี้ จะเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ไม่รับชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสด เพื่อสนับสนุนการลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาสนับสนุนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) บริษัทจะเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเพื่อการดำเนินธุรกิจกิจอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ บริษัทได้มีนโยบายการไม่รับชำระเงินสด ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4ปีก่อน โดยไม่รับชำระเงินสดที่มีเบี้ยประกันที่เกิน 5,000 บาทขึ้นไป และลดลงวงเงินเหลือไม่รับชำระเงินสดส่วนเกิน 2,000 บาทขึ้นไปในปัจจุบัน และในเดือนเม.ย.จะไม่รับชำระเงินสด 100% ซึ่งบริษัทได้มีการอธิบายทำความเข้าใจลูกค้ามาโดยตลอดในช่วงการของเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเบี้ยประกัน 

บริษัท พบว่า ลูกค้ามีพฤติกรรมคุ้นเคยกับการชำระเงินสดบนแฟลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และหันมาชำระเบี้ยประกันแบบไร้เงินสดมากขึ้น ปัจจุบันการชำระเบี้ยประกันแบบไร้เงินสดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่  97% จาก 88 % ในช่วงปลายปีก่อน  โดยปัจจุบันยังมีสัดส่วนเพียง 3% เท่านั้นที่ยังชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสด เชื่อว่าเราจะสามารถผลักดันได้ตามเป้าหมาย 

สำหรับแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจในปีนี้ นายโชน เชื่อมั่นว่า การดำเนินธุรกิจมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับธุรกิจประกันชีวิตมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังเป็นบวก รวมถึงเป็นโอกาสของประกันสะสมทรัพย์และประกันควบการลงทุน

ในขณะที่ภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันชีวิต ได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นจากผู้บริโภค ซึ่งเกิดจากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จะช่วยสนับสนุนให้คนไทยมีความจำเป็นในการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณมากขึ้นด้วย

จากสถิติจากสมาคมประกันชีวิตไทย ระบุว่าในช่วง 11 เดือน ของปี 2564 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีแบบประกันสุขภาพและประกันควบการลงทุนแบบชำระครั้งเดียวจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 545,039 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 2.56% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2563 ที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมอยู่ที่ 531,422 ล้านบาท 

ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) บริษัทจะเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเพื่อการดำเนินธุรกิจกิจอย่างยั่งยืน ผ่านยุทธศาสตร์ใน 5 มิติหลัของบริษัทเพื่อขับเคลื่อนสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน ได้แก่ Health บริการด้านสุขภาพที่เป็นเลิศ Wealth ผลิตภัณฑ์ประกันที่เข้าใจได้ง่าย

สำหรับลูกค้าทุกลุ่ม Digital Insurance ทุกกระบวนการรับประกันในรูปแบบดิจิทัลภายใน 5 ปี  Channel ช่องทางการขาย มีคุณภาพและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและโอกาสทางการตลาด และ Socail Responsibility ขยายบทบาทและหน้าที่ต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม 

 

นอกจากนี้ บริษัทมีอัตราการเคลมสินไหมเกี่ยวกับโควิด-19 คิดเป็น 12%ของเคลมไหมรวม ซึ่งถือว่าต่ำมาก และเมื่อชดเชยกับอัตราการเคลมโรคปกติทั่วไปอย่าง เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย ที่ลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถารการณ์โควิด-19  และจากการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโอมิครอนในปีนี้คาดว่าก จำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่รุนแรงกว่าปีก่อน และคนไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก แต่บริษัทยังติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง

ทางด้านนโยบายการลงทุนภายใต้ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น บริษัทคงสัดส่วนพอร์ตการลงทุน 80% ในพันธบัตร สัดส่วน 10% ในหุ้น โดยเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น  แต่ภายใต้ความผันผวนจะพิจารณาการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กลุ่มหุ้นมูลค่ามากกว่าหุ้นเติบโต และหาจังหวะการลงทุนที่ราคาเหมาะสมและมีอัพไซด์ ส่วนอีก10%เป็นการลงทุนส่วนบุคคลและรีท

"ในปีนี้ที่เป็นแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยขาขึ้นยังอยู่ในกรอบที่คาดการณ์ไว้แต่อาจจะขึ้นเร็วกว่าคาด"