TNP คาดผลประกอบการ 4Q64 โต YoY QoQ จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐและแผนขยายสาขา

TNP คาดผลประกอบการ 4Q64 โต YoY QoQ  จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐและแผนขยายสาขา

คาดการณ์กำไรงวด 4Q64 ราว 45 ลบ. +2%YoY +20%QoQ เราคาดการณ์รายได้งวด 4Q64 ราว 621 ลบ. +1%YoY +8%QoQ โดยคาดรายได้จะทรงตัว YoY แม้บริษัทขยายสาขาเป็น 38 สาขา (+6 สาขาYoY +2 สาขาQoQ)

ประกอบกับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐฯใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน (บัตรสวัสดิการวงเงิน 700-800 บาท/เดือน และคนละครึ่งวงเงิน 3,000 บาท) อย่างไรก็ดี จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเป็นราว 1.2 ล้านราย จาก 4Q63 ราว 9 แสนราย ทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เราจึงคาดว่าบริษัทจะได้รับผลประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวลดลง อย่างไรก็ดี คาดรายได้จะโต QoQ จากผลของมาตรการภาครัฐที่เร่งขึ้นเกือบเท่าตัว (Table1) และจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น 2 สาขาจากไตรมาสก่อน ประกอบกับเป็นช่วง High Season ของปี ส่งผลให้คาดกำไรงวด 4Q64 ราว 45 ลบ. +2%YoY +20%QoQ และคาดกำไรทั้งปี 64 ราว 184 ลบ. +37%YoY

•    คาดกำไรปี 65 ราว 211 ลบ. เติบโต 15%YoY และยังมีอัพไซต์ เราคาดรายได้และกำไรสุทธิปี 65 ราว 2,815 ลบ. +10%YoY และ 211 ลบ. +15%YoY ตามลำดับ โดยแนวโน้มการเติบโตของรายได้ คาดจะเริ่มลดลงกลับมาใกล้เคียงกับระดับปกติที่ราว 10% ต่อปี ตามการขยายสาขาใหม่ 6 สาขาต่อปี อย่างไรก็ดี คาดวงเงินสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะทยอยปรับลดลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งรอบล่าสุดภาครัฐให้วงเงินสำหรับมาตรการคนละครึ่งเฟส 4 ที่ 1,200 ลบ. และบัตรสวัสดิการฯ 400-500 บาท/เดือน (เริ่ม 1 ก.พ. – 30 เม.ย.65) ซึ่งเป็นวงเงินที่ถูกปรับลดลงจากช่วง 4Q64 (Table1) 

อย่างไรก็ตาม บริษัทมี Potential Upside 2 ประการที่ยังไม่ถูกรวมในประมาณการปี 65 คือ 1) เมื่อต้นปีบริษัทจับมือกับ "แฟลช เอ็กซ์เพรส" เพื่อเปิดเป็นจุดส่งพัสดุทั้ง 38 สาขาทั่วภาคเหนือ แม้บริษัทจะมีรายได้จากการให้เป็นจุด Drop Off เพียงเล็กน้อย แต่คาดจะช่วยให้ Traffic ร้านปรับดีขึ้น และ 2) จะเป็นผลสืบเนื่องให้บริษัทวางแผนขยายช่องทางขายสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Shopee Lazada คาดจะเริ่มดำเนินการช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้
 

•    คงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเหมาะสมที่ 7.20 บาท เราคงประเมินราคาเหมาะสม TNP ที่ 7.20 บาท อิง Prospective PER ที่ระดับเดิม 27.5x (3Yr.Avg.+1.25SD) ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ระดับ 37x โดยคาดกำไรต่อหุ้นปี 65 ราว 0.26 บาท คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปี 65 ราว 7.20 บาท ซึ่งมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

ปัจจัยเสี่ยง

i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก
ii) แผนการขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า
iii) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเริ่มชะลอลง
iiii) ภาครัฐหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ