กรุงศรี’ ทุ่ม8พันล้าน ปั้นดิจิทัลเชื่อมอาเซียน

กรุงศรีกางแผนปี 65 ชู 3 หัวใจสำคัญเคลื่อนธุรกิจ เดินหน้าเดินหน้าเชื่อมอาเซียนสู่ 8 ประเทศ พร้อมจับมือพันธมิตรทางธุรกิจขยายการเติบโต ทุ่ม 8พันล้านลงทุนด้านดิจิทัลเชื่อมอาเซียน
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)BAY กล่าวว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2565 ถือเป็นการเดินตามแผนระยะกลางของธนาคาร( 2564-2566) ภายใต้แผน เดินหน้าสู่อาเซียนกับกรุงศรี หรือ Go ASEAN with Krungsri
ซึ่งมี 3 หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ หลักๆ ธนาคารจะเดินหน้าเชื่อมโยงตลาดในภูมิภาคอาเซียน และรวมถึงการจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจ และการพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในและอาเซียน
โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาด้านดิจิทัลอินโนเวชัน ที่กรุงศรีฯตั้งเป้าลงทุนเพิ่มในปีนี้ 7-8 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาด้านดิจิทัลอินโนเวชั่น โดยจะเน้นขยาย API เชื่อมโยงกับธนาคารพันธมิตรในอาเซียน รวมถึง ร่วมกันสร้าง AI Tech lab ร่วมกับ MUFG รวมถึง Grab เพื่อนำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล แพลตฟอร์มต่างๆมาตอบโจทย์ลูกให้มากขึ้น
สำหรับการตั้งเป้าเชื่อมโยงในตลาดอาเซียน ปัจจุบัน ธนาคาร ถือเป็นธนาคารที่มีเครือข่ายมากที่สุดในอาเซียน โดยปัจจุบันกรุงศรี ได้มีการขยายธุรกิจสู่อาเซียนแล้ว 5 ประเทศ ซึ่งในระยะถัดไปกรุงศรีตั้งเป้าในการขยายตลาดไปสู่ 8ประเทศในอาเซียนต่อเนื่อง
สำหรับการให้บริการลูกค้าในอาเซียนปัจจุบันมีมากกว่า 5 แสนบัญชี โดยเฉพาะในกัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ ที่มีการปล่อยสภาพคล่องแล้วกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ จากแผนการขยายตลาดในอาเซียนต่อเนื่อง ทำให้กรุงศรีฯตั้งเป้า สัดส่วนรายได้ จากอาเซียนเพิ่มเป็น 10% ใน 2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่เพียงระดับ 6 %
ในด้านการให้บริการทางการเงิน กรุงศรีตั้งเป้าขยายการโอนเงินในอาเซียนให้ครบ 8 ประเทศปีนี้ โดยจะขยายเพิ่มในสิงค์โปร มาเลเซีย เกาหลี ลาว เวียดนาม ให้สามารถโอนเงินได้เรียลไทม์ ซึ่งหากดูธุรกรรมการโอนเงินชำระเงินระวห่างประเทศอาเซียนผ่านกรุงศรี ปัจจุบันมีมากกว่า 5 แสนครั้ง หรือคิดเป็นกว่า 2 แสนล้านบาท
“การหนุนการเติบโตของธนาคาร สิ่งสำคัญอีกด้านคือ การเดินหน้าพันธมิตร หาพาร์ทเนอร์ชีฟให้กับธนาคาร ทั้งในด้านพลังงาน เทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ และอินชัวรันส์ ที่ล่าสุอยู่ระหว่างการเจรจา ในการเข้ามาจับมือร่วมกัน เพื่อเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของธนาคารในระยะข้างหน้า”
สำหรับเป้าหมายทางการเงินธนาคารตั้งเป้าเติบโตด้านสินเชื่อ 3-4% ปีนี้ โดยคาดสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโต 4-5% ปีนี้ ขณะที่ลูกค้ารายย่อย คาดว่าอยู่ที่ 3-4% นอกจากนี้ยังตั้งเป้า คุมหนี้เสียไม่ให้เกิน 2.6%
ซึ่งสาเหตุที่ตั้งเป้าหนี้เสียสูงขึ้นกว่า สิ้นปี 2564 ที่อยู่เพียง 2.2% หลักๆมากจากคาดว่า เมื่อหมดมาตรการช่วยเหลือทางการเงินในปีนี้ น่าจะทยอยเห็นลูกค้าบางส่วนกลับไปเป็นหนี้เสีย ขณะเดียวกันภายใต้ความไม่แน่นอนจากโควิด-19 ยังเป็นสิ่งที่ธนาคารต้องระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง







