แม้อาจมีย่อระยะสั้น แต่ยังคาดความผันผวนจะทยอยลดลง

แม้อาจมีย่อระยะสั้น แต่ยังคาดความผันผวนจะทยอยลดลง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจผันผวนระวังหุ้นที่กระทบต่อจิตวิทยาจากหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มว่าความเคลื่อนไหวในคืนนี้อาจจะผันผวน หลัง Meta (Facebook) ที่เป็นหุ้นที่ใหญ่ลำดับที่ 6 ของ S&P รายงานกำไรไตรมาส 4/64 ลดลง

ทำให้ราคาหุ้นหลังช่วงซื้อขายปกติ (after hours) ลดลง 22% ที่จะส่งผลกระทบต่อดัชนีหุ้นสำคัญๆ ฝั่งสหรัฐฯคืนนี้ นักลงทุนที่เก็งกำไรหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่จิตวิทยาการลงทุนเกี่ยวเนื่องกับหุ้นสหรัฐฯ ควรติดตามข้อมูล และการประกาศผลประกอบการ รวมถึงคาดการณ์แนวโน้มไตรมาส 1/65 ของหุ้นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด 

ปัจจัยภายนอกที่กระทบตลาดในระยะสั้น ได้แก่ 1) ยุโรป ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ตลาดคาดว่าน่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ขณะที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตลาดรอติดตามแถลงการณ์ หลังเงินเฟ้อยุโรป ม.ค.65 ยังทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.1% 2) ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในยูเครน แม้จะเห็นการขยับกำลังทหารของรัสเซีย ซึ่งเป็นปัจจัยที่บวกต่อราคาน้ำมัน แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงแรงจูงใจของทั้งสหรัฐฯ-ยุโรป-รัสเซีย เราไม่คาดว่าจะเห็นการใช้กำลังทางทหาร และสถานการณ์จะนำไปสู่การประนีประนอมที่ทำให้ยูเครนชะลอหรือยกเลิกการเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ ขณะที่สถานการณ์ในกรณีเลวร้ายสุด อาจเห็นปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียเพื่อยึดครองพื้นที่ทางยุทธศาสตร์บางส่วนของยูเครน เพื่อสร้างเงื่อนไขการต่อรองให้ยูเครนยังคงเป็นประเทศกันชนของรัสเซีย  // ปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับการเพิ่มกำลังการผลิตที่ต่ำกว่าระดับความต้องการของตลาดของโอเปคและพันธมิตร เรามองยังทำให้น้ำมันทรงตัวในระดับสูง

 

PTT – คาดกำไรปกติไตรมาส 4/64 จะลดลง 5% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 100% YoY ภาพรวมธุรกิจแม้กำไรถือว่าทรงตัว แต่ไส้ในคือการดีจากบริษัทลูกๆ แต่ธุรกิจในส่วนของแม่กลับแย่ลง กระทบต่อกระแสเงินสดที่ใช้จ่ายปันผล ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงต้นปีกระทบจากการขาดแคลนก๊าซ ทำให้แม้โดย Valuation ของ PTT ไม่แพง แต่ก็ไม่ได้น่าสนใจ

OR – แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/64 ฟื้นตัว ธุรกิจน้ำมันทรงตัว แต่ธุรกิจค้าปลีกดีขึ้นทั้งจากการเปิดเมือง และการลดการช่วยเหลือค่าเช่าให้ผู้เช่าพื้นที่ โดยรวมคือผลการดำเนินวงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วที่ไตรมาส 3 แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 31 บาท

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง การเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ บวกต่อ CK, STEC, ITD, UNIQ 2) กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ตลาดเก็งกำไรการเข้าสู่ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิตอล และผลประกอบการปี 2564 ที่น่าจะเห็นการจ่ายปันผลในระดับที่ดี อย่างไรก็ตามยังมีความไม่ชัดเจนของภาพรายได้ปี 2565 อีกมาก การเก็งกำไรจึงควรกำหนจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง KGI, ASP, CGH, FSS 3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 4) กลุ่มบันเทิง ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากงบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO 5) หุ้นเก็งกำไรทางเทคนิค อาทิ SFT, WFX, CV, UBE, VPO, CPI, TOP, GJS, RAM, IND, MAKRO

 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวในกรอบ 1,650-1,680 จุด ยังคงมุมมองความผันผวนจะทยอยลดลงและบรรยากาศลงทุนรวมจะทยอยดีขึ้น แม้จิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นอาจผันผวนตามรายงานผลประกอบการของหุ้นรายตัว รวมถึงหุ้นใหญ่ในสหรัฐฯ ก็ตาม //หุ้นแนะนำ: WHAUP*, MAKRO*, IND*, FORTH*

แนวรับ: 1,650-1,660 / แนวต้าน : 1,680 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 


 

ประเด็นการลงทุน

ประชุมโอเปคพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. แม้ถูกกดดันจากสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ต้องการให้โอเปคพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่านี้เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี

ธปท.ปลดล็อกแบงก์ลุยฟินเทค – แบงก์ชาติทำเฮียริ่งยกเลิกเพดานลงทุนฟินเทคจากเดิมไม่เกิน 3% ของเงินกองทุน พร้อมเปิดทางแบงก์ทำธุรกิจบนช่องทางดิจิทัล ไม่ต้องมีสาขารองรับ

ททท.ปักธงดันรายได้ 1.5 ล้านล้าน – ผู้ว่าการ ททท.ชี้ท่องเที่ยวผ่านจุดต่ำสุด Test&Go ดันต่างชาติเข้า เปิดด่านหนองคายดึงนักท่องเที่ยว คาดทั้งปีต่างชาติไม่ต่ำกว่า 5-15 ล้านราย ตั้งเป้าปี 65 ดันรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท

WHA – เผยต่างชาติเจรจาซื้อที่ดิน วางเป้ายอดขาย 1.25 พันไร่ ทั้งในไทยและเวียดนาม ด้านโลจิสติกส์เด่นคาดเซ็นต์สัญญาเช่าพุ่ง 1.85 แสนตร.ม.

CHAYO – ลุ้นปิดดีลร่วมทุนกับสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่กว่า 1-2 ราย จัดตั้งJV หวังซื้อหนี้เข้าพอร์ตเพิ่ม คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

 

ประเด็นติดตาม: 4 ก.พ. – TH CPI เดือน ม.ค. / 3 ก.พ. - BOE Meeting, ECB Meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)