เดิมพันเปิด "Test & Go" รับทัวริสต์ ขู่ใช้กฎหมายเข้ม "หนีตรวจโควิด"

ศบค.เผยอ้าแขนรับทุกประเทศ ยันรัดกุมกว่าเดิม ขู่ใช้กฎหมายเล่นงานนักท่องเที่ยวฝ่าฝืนหนีตรวจโควิด ย้ำผู้ประกอบการโรงแรมดูแลเข้ม

วานนี้ (31 ม.ค.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดสัมมนาออนไลน์ชี้แจงผู้ประกอบการโรงแรมที่ได้มาตรฐานด้านสุขอนามัย SHA++ (ชา เอ็กซ์ตรา พลัส) และสาธิตการใช้ระบบ Thailand Pass Hotel & Swap System หรือ TPHS เพื่อตรวจสอบเอกสารสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งชาวไทยและต่างชาติในระบบ Test & Go ซึ่งกลับมาเปิดระบบอีกครั้งวันนี้ (1 ก.พ.) ตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การกลับมาเปิดระบบรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go ครั้งนี้ ถือเป็นการเดิมพันเปิดประเทศครั้งสำคัญเพื่อเร่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวหลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง หลังจากล่าสุดพบการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน

การเปิด Test & Go สิ่งสำคัญ ต้องมีระบบกำกับติดตามตัวนักท่องเที่ยว ด้วยการติดตั้งแอพพลิเคชัน “หมอชนะ” (Morchana) เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค และต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ให้ครบ 2 ครั้งในวันแรกและวันที่ 5 ของการเดินทางเข้าไทย โดยจะมีระบบการตรวจสอบและกำกับการเข้าที่พัก และนักท่องเที่ยวต้องอยู่รอในที่พักหรือสถานที่ที่กำหนดจนได้รับผลการตรวจ

“ผู้ประกอบการโรงแรม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ SHA Plus Manager ประจำโรงแรมจะต้องช่วยกันทำให้นักท่องเที่ยวเข้ารับการตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ของการเดินทางเข้าไทยให้ได้ ถือเป็นจุดที่ต้องช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อช่วยกันผลักดันให้การกลับมาเปิดระบบรับนักท่องเที่ยว Test & Go ประสบความสำเร็จ เพราะหากล้มเหลวขึ้นแม้เพียงครั้งเดียวอาจส่งผลทั้งระบบล้มเหลวตามไปด้วย”

 

++ เคาะโซนโรงแรมSHA++พักวันแรกรอบ7สนามบิน

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงแรมที่พักได้มาตรฐาน SHA++ จำนวน 2,247 แห่ง กระจายใน 39 จังหวัด โดย 5 อันดับแรกคือ ภูเก็ต 573 แห่ง กรุงเทพฯ 444 แห่ง กระบี่ 207 แห่ง สุราษฎร์ธานี 196 แห่ง และชลบุรี 184 แห่ง

“มีผู้เดินทางชาวไทยสงสัยว่าหากกลับบ้านหรือไปพำนักในจังหวัดที่ไม่มีโรงแรม SHA++ ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ของการเดินทางเข้าไทย คำตอบคือต้องเลือกจองและชำระเงินค่าโรงแรมที่พักในโรงแรมจังหวัดใกล้เคียง เมื่อถึงกำหนดตรวจ ก็ให้เช็กอินเข้าพักโรงแรมนั้น”

ทั้งนี้มีการกำหนดจังหวัดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) ที่เดินทางจากสนามบินนานาชาติภายใน 5 ชั่วโมงเพื่อตรงไปยังโรงแรมที่พักในวันแรกของการเดินทางมาถึงไทย ตามมติของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก.) โดยมีสนามบินนานาชาติที่รับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go รวม 7 แห่ง 

ได้แก่ 1.สนามบินสุวรรณภูมิ ครอบคลุมโรงแรมที่พักในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ตราด ปทุมธานี นครราชสีมา เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี นนทบุรี กาญจนบุรี นครปฐม และสระแก้ว 2.สนามบินดอนเมือง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ กาญจนบุรี ตราด ปทุมธานี นครราชสีมา นครนายก เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี นนทบุรี นครปฐม และสระแก้ว

3.สนามบินภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี และระนอง 4.สนามบินกระบี่ ครอบคลุมกระบี่ ภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ธานี สงขลา และนครศรีธรรมราช 5.สนามบินสมุย ครอบคลุมสุราษฎร์ธานี และกระบี่ 6.สนามบินเชียงใหม่ ครอบคลุมเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน และ 7.สนามบินอู่ตะเภา ครอบคลุมระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี เพชรบุรี กาญจนบุรี นครปฐม และสระแก้ว (ทั้งนี้ จ.สระแก้ว เป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ระหว่างการประเมินเป็นพื้นที่สีฟ้าในระยะที่ 3)

 

++ ย้ำทัวริสต์ตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 วันที่ 5

ททท.ขอย้ำว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยว Test & Go รัฐบาลอนุญาตให้เข้ามาได้ทุกประเทศ โดยได้ปรับมาตรการเพิ่มเติมในส่วนของการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องมีหลักฐานการชำระค่าโรงแรมที่พัก SHA++, AQ, OQ หรือ AHQ (ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ) สำหรับการตรวจครั้งที่ 1 ในวันแรก ณ สนามบินหรือจุดที่โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการของโรงแรม SHA++ กำหนด (รวมค่ารถเพื่อรับจากสนามบินไปส่งโรงแรมที่พัก) และวันที่ 5 ของการเดินทาง เพื่อรอผลการตรวจหาเชื้อในที่พักใน 2 วันดังกล่าว และต้องมีหลักฐานการชำระเงินการตรวจหาเชื้อทั้ง 2 ครั้งด้วย

หากผู้เดินทางไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ของการเดินทาง หรือติดตามนักท่องเที่ยวไม่ได้ ทางโรงแรมต้องแจ้ง Command Center ในแต่ละจังหวัด ตำรวจท่องเที่ยว หรือ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) เพื่อติดตามตัว

 

++ เปิดเกณฑ์นักท่องเที่ยว Test & Go

สำหรับเกณฑ์ของนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go ส่วนใหญ่ยังคงมาตรการเดิม เป็นผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีเอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีนครบกำหนดตามประเภทวัคซีน และเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง เด็กอายุ 12-17 ปี ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม เว้นแต่เดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ไม่ต้องมีเอกสารหลักฐานวัคซีน กรณีเป็นผู้ที่เคยติดเชื้อฯซึ่งได้รับการรักษาหายแล้ว และได้รับวัคซีนหลังจากการติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 1 เข็มไม่น้อยกว่า 14 วัน ให้มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าเป็นผู้เคยติดเชื้อโควิด-19 และหายแล้ว

โดยนักท่องเที่ยวจะต้องมีผลการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นลบ (COVID Free) ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทางทุกคน ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีที่เดินทางมากับผู้ปกครองที่มีผลตรวจ COVID Free ไม่ต้องมีผลตรวจด้วยวิธี RT-PCR เป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง แต่เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว จะต้องตรวจ ATK ด้วยน้ำลาย

ด้านประกันภัยของนักท่องเที่ยว ยังคงวงเงินคุ้มครองเท่าเดิม คือไม่น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์ (ยกเว้นคนไทยและชาวต่างชาติที่มีสิทธิในการตรวจหรือรักษาพยาบาลในไทย) กรณีที่ประกันไม่คุ้มครองอาการป่วย หรือการเป็นผู้เสี่ยงสูง (HRC) นักท่องเที่ยวจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล ฮอสพิเทล โฮเทลไอโซเลชั่น และโฮมไอโซเลชั่นด้วยตัวเอง

 

++ โรงแรมที่1และ2ยืนยันการจองฯใน30ชม.

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ททท. กล่าวเสริมว่า ระบบการอนุมัติเข้าประเทศจากการปรับมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเปิดระบบลงทะเบียนนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go อีกครั้ง ททท.มองว่าในช่วงเวลาจำกัด ควรนำระบบที่มีอยู่มาพัฒนาเพิ่มเติม จึงได้เลือกระบบ Thailand Pass Hotel (TP Hotel) ของภูเก็ตซึ่งมีความพร้อมและได้เชื่อมต่อกับระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) อยู่แล้ว มาขยายขีดความสามารถในการรองรับให้ครอบคลุมทั่วประเทศเป็นระบบ “Thailand Pass Hotel & Swap System” หรือ TPHS ขณะนี้ระบบพร้อมกว่า 99%

“TPHS นอกจากติดตามนักท่องเที่ยวและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นการเชื่อมต่อระบบข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และรายงานผล  นำไปติดตามและวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

สำหรับขั้นตอนของ TPHS เมื่อนักท่องเที่ยวจองการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 1 โดยจ่ายเงินผ่านโรงแรม ผ่านระบบ PSAS หรืออื่นๆ ส่วนการจองการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 นักท่องเที่ยวจองผ่านระบบการจองในพื้นที่นั้นๆ หรือจองตรงกับโรงแรมได้ โดยโรงแรมที่ 1 ที่นักท่องเที่ยวพำนักเมื่อเดินทางมาถึงวันแรก ต้องยืนยันการจองห้องพัก รวมถึงการจองและชำระค่าตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 1 และรถรับส่งจากสนามบิน ขณะที่โรงแรมที่ 2 ต้องยืนยันการจองห้องพัก รวมถึงการจองและชำระค่าตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ของการเดินทางมาไทย

“โรงแรมที่ 1 และ 2 ต้องยืนยันในระบบ TPHS ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับระบบไทยแลนด์พาส ภายในเวลา 24.00 น.ของวันรุ่งขึ้น หรือมีเวลาประมาณ 30 ชั่วโมง โดยทางระบบไทยแลนด์พาสจะมีการส่งข้อมูลมายังระบบ TPHS ในเวลา 18.00 น.ของทุกวัน”

 

++ นักท่องเที่ยวเข้าได้ทุกประเทศ

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า การเปิดระบบ Test & Go วันที่ 1 ก.พ. โดยอนุญาตให้เข้ามาได้ทุกประเทศ แต่ความสำคัญอยู่ที่การปรับระบบให้รัดกุมกว่าครั้งที่แล้ว เมื่อเข้ามาจะต้องตรวจโควิดด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง มีหลักฐานการจองโรงแรมที่พักในวันแรกและวันที่ 5 เป็นโรงแรม SHA++ AQ OQ หรือ AHQ มีระบบการประกันที่ชัดเจน

“รัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันดำเนินการตามระบบ Test & Go ครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเดือน ม.ค. พบว่ามีข้อมูลผู้ที่เดินทางเข้ามามีผู้ฝ่าฝืนถึง 22 ราย ส่วนใหญ่ตามตัวไม่พบหลังตรวจ RT-PCR แล้วติดเชื้อ จึงมีความสำคัญที่ระบบใหม่จะขอให้มาตรวจซ้ำในวันที่ 5 ขอให้ปรากฎตัวและอยู่รอผลการตรวจก่อนเพื่อให้เกิดความปลอดภัย”

หากมีผู้ฝ่าฝืนก็ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 การบังคับใช้กฎหมายกรณีที่จะมีการเปิดระบบ Test & Go ใหม่ เพื่อดึงนักนักท่องเที่ยวเข้ามาและทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าควบคู่ไปกันด้วย