โควิดฉุด "ตรุษจีนปีเสือ" สุดเหงา 2 ปีไร้เงาทัวริสต์แดนมังกร!

โควิดฉุด "ตรุษจีนปีเสือ" สุดเหงา  2 ปีไร้เงาทัวริสต์แดนมังกร!

ป็นเวลากว่า 2 ปีเต็มที่ไม่ได้เห็นภาพความคึกคักของตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” โดยเฉพาะช่วงโกลเด้นวีค “เทศกาลตรุษจีน”

เมื่อย้อนไปวันที่ 24 ม.ค.2563 กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาชนจีน ออกประกาศด่วน! ตามคำสั่งของ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีของจีน ให้บริษัทนำเที่ยวทั่วประเทศหยุดดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว หยุดขายตั๋วเครื่องบินและโรงแรม ส่วนทัวร์ที่เดินทางออกไปแล้ว ขอให้ดำเนินการให้เรียบร้อย ระมัดระวังและคำนึงถึงสุขภาพของนักท่องเที่ยว เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังลุกลาม! จังหวะที่มีคำสั่งด่วนจากเบอร์ 1 ของจีนนั้น ตรงกับช่วงที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยกำลังจัดอีเวนท์และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนอย่างครึกครื้นพอดิบพอดี!

ส่วน เทศกาลตรุษจีนปีเสือ 2565 ไม่ต้องพูดถึงว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวจะเงียบเหงาแค่ไหน ต่างจากปีปกติก่อนเจอวิกฤติโควิดที่จะมีชาวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยมากถึง 3 แสนคน

ห้วง 8 ปีที่ผ่านมา ภายใต้สถานการณ์ปกติปี 2557-2562 ตลาด “จีนเที่ยวไทย” มีพัฒนาการดีเยี่ยม! ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่านักท่องเที่ยวจีนมาไทยเดินทางเข้ามาด้วยจำนวนและสร้างรายได้ดังนี้

  • ปี 2557 มี 4,631,981 คน สร้างรายได้ 200,659 ล้านบาท
  • ปี 2558 มี 7,981,407 คน สร้างรายได้ 388,694 ล้านบาท
  • ปี 2559 มี 8,779,196 คน สร้างรายได้ 456,184 ล้านบาท
  • ปี 2560 มี 9,846,818 คน สร้างรายได้ 520,722 ล้านบาท
  • ปี 2561 มี 10,625,167 คน สร้างรายได้ 522,265 ล้านบาท 
  • ปี 2562 มี 11,138,658 คน สร้างรายได้ 531,576 ล้านบาท (ทุบสถิติทำนิวไฮ!) 

แต่ช่วงวิกฤติปี 2563-2564 ทุกตลาดลดฮวบ! ตลาดจีนเที่ยวไทยก็เช่นกัน

  • ปี 2563 มี 1,248,949 คน ซึ่งไตรมาสแรกของปีนั้นยังมีกระแสการเดินทางที่ค่อนข้างดี ก่อนรัฐบาลไทยสั่งปิดน่านฟ้าเมื่อเดือน เม.ย.เพื่อสกัดโควิด
  • ปี 2564 มีจำนวนเพียง 13,043 คน

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีขนาดตลาดใหญ่อันดับ 1 ของภาคการท่องเที่ยวไทย ประเมินว่าทางการจีนอาจรอให้พ้นช่วงที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดอีเวนท์ใหญ่ 2 รายการ ได้แก่ การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022 เดือน ก.พ.นี้ และการแข่งขันเอเชียนเกมส์ หางโจว 2022 เดือน ก.ย.นี้ จึงจะพิจารณาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ว่าจะอนุญาตให้ชาวจีนออกเดินทางนอกประเทศหรือไม่?!

แม้รัฐบาลไทยจะกลับมาเปิดระบบลงทะเบียนรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go จากทุกประเทศ 1 ก.พ.นี้ จนทำให้หลายๆ ประเทศชื่นชมว่าไทยเป็นหนึ่งในผู้นำของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สำหรับตลาดจีนเที่ยวไทยแล้ว ต้องขึ้นกับ “นโยบายของประเทศต้นทาง” ซึ่งยังมีมาตรการให้นักท่องเที่ยวเข้ารับการกักตัวขากลับเข้าประเทศจีน

“แอตต้ามองว่ารัฐบาลไทยต้องเดินหน้าเจรจากับประเทศหรือเมืองเป้าหมายเพื่อดำเนินนโยบาย ทราเวล บับเบิล (Travel Bubble) แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันโดยไม่ต้องกักตัว เช่น จีน รวมถึงตลาดหลักอื่นๆ ในเอเชียที่ยังระมัดระวังในการเปิดประเทศ อาทิ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์”

ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go อย่างต่อเนื่อง ไม่ควรเปิดๆ ปิดๆ เพื่อฟื้นบรรยากาศและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลดีในเชิงจิตวิทยาต่อ “การทำทัวร์” ช่วยต่อลมหายใจให้ “บริษัทนำเที่ยว” ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดมา 2 ปีเต็ม 

ส่วนกรณีที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบแนวทางการพิจารณาให้โรคโควิด-19 เป็น “โรคประจำถิ่น” หลังระบาดมา 2 ปี และเห็นทิศทางที่ดีขึ้น โดยที่ประชุมฯ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บริหารจัดการเพื่อนำไปสู่โรคประจำถิ่นภายในปีนี้

แอตต้ามองว่าหากมีการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น รัฐบาลจำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวมากกว่านี้! เช่น ยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) และดึงระบบการขอวีซ่ากลับมาใช้ ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เคยเดินทางเข้าไทยได้เลย ไม่ต้องขอวีซ่า ก็ขอให้กลับไปดำเนินการตามเดิม ที่สำคัญต้องไม่มีการกักตัว! การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก็ต้องผ่อนคลายตามไปด้วย

แม้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 8 ล้านคนในปี 2565 แต่แอตต้ามองว่าตัวเลขที่น่าจะเป็นไปได้...ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน