ของแพง-กำลังซื้อหาย ตรุษจีนเยาวราชหงอย

ย่านเยาวราชที่เป็นแหล่งรวมชาวไทยเชื้อสายจีนที่จะมาจับจ่ายซื้อขิงไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลตรุษจีน พบว่าปีนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าปีก่อน ประชาชนซื้อของลดน้อยลง ซึ่งมาจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว

บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของเครื่องเซ่นไหว้ก่อนวันตรุษจีนในปีนี้ที่ตลาดเยาวราชไม่คึกคักเท่ากับปีก่อนๆการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยเชื้อสายจีนลดลงกว่าปกติ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ยังระบาด สินค้าราคาแพงขึ้น รายได้ลดลง ประชาชนขาดสภาพคล่องต้องใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น และไม่เดินทางไปเที่ยวเพราะยังกังวลกับสถานการณ์โควิด

จากการสำรวจย่านเยาวราชพบคนไทยเชื้อสายจีนเริ่มออกมาจับจ่ายเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ส่วนใหญ่จะซื้อของน้อยลง เพราะราคาเนื้อหมู เป็ด ไก่ และไข่ไก่ รวมถึงเครื่องเซ่นไหว้ราคาสูงขึ้นตามกัน ต้องลดจำนวนของไหว้โดยเลือกเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงบรรยากาศร้านขายทองคำที่ค่อนข้างเงียบเหงาต่างจากปกติในเทศกาลตรุษจีนจะมีคนไทยเชื้อสายจีนมาซื้อทองกันตามประเพณี

สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน และผู้ประกอบการ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ระบุว่า ประชาชนมีความกังวลสินค้าราคาแพงเนื่องจากทุกสินค้าหลายรายการปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายลง คาดการณ์เงินสะพัดอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 11 ปี ขยายตัวติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการวางแผนงบประมาณใช้จ่ายอย่างรัดกุม 

ด้านสมาคมค้าทองคำ คาดการณ์ราคาทองคำในช่วงตรุษจีนปีนี้ไม่ปรับขึ้นยังคงทรงตัว เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาการเมืองในต่างประเทศ และค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคลดน้อยลง เมื่อเทียบกับตรุษจีนปี 2564 คาดว่ายอดจำหน่ายทองคำช่วงตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้น 2-3% จากตรุษจีนทุกๆ ปีจะเพิ่มขึ้น 5-10% แต่เชื่อว่าจะยังมีผู้บริโภคมาซื้อทองกันตามประเพณี แต่จะซื้อขนาดเล็กลง ซึ่งร้านทองปรับรูปแบบทองคำให้เหมาะสม เช่น ทองคำแท่งขนาด 1 กรัม ราคาเพียง 2,100 บาท หรือทองเส้นเล็กขนาด 1 สลึง ราคาประมาณ 7,000 กว่าบาท