"สุริยะ" ลงพื้นที่สำรวจน้ำมันรั่วมาบตาพุด สั่งเคลียร์ให้หมดในวันนี้

"สุริยะ" ลงพื้นที่สำรวจน้ำมันรั่วมาบตาพุด สั่งเคลียร์ให้หมดในวันนี้

"สุริยะ - สาธิต" ลงพื้นที่สำรวจน้ำมันรั่วมาบตาพุด ล่าสุดพบเหลือปริมาณ 5,000 ลิตร สั่งเคลียร์ให้หมดในวันนี้ มั่นใจสถานการณ์ไม่กระทบการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เร่งสรุปรายงานผลทันที

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุน้ำมันรั่วไหลของ บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงได้สั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงดังกล่าว

ทั้งนี้ จากรายงานข่าวระบุตัวเลขของปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลว่ามีจำนวน 4 แสนลิตร ซึ่งเป็นการประเมินเบื้องต้นในช่วงของการเกิดเหตุการณ์กลางดึกของวันที่ 25 มกราคม 2565 ซึ่งต่อมาทางบริษัท ได้มีการส่งนักประดาน้ำลงสำรวจจุดเกิดเหตุ พบว่า มีปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลอยู่ที่ประมาณ 50,000 ลิตร 

ซึ่งจากการดำเนินการควบคุมพื้นที่ และกำจัดคราบน้ำมันในช่วงคืนที่ผ่านมา (26 มกราคม 2565) สามารถกำจัดออกไปได้ 45,000 ลิตร จึงเหลือตกค้างอยู่ประมาณ 5,000 ลิตร คาดว่าภายในวันนี้จะสามารถดำเนินการจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้

“ผมเชื่อมั่นว่าปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่จะไม่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะที่บริเวณหาดแม่รำพึง ยืนยันไม่ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันเราจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบไปด้วย กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม"

 

เบื้องต้น รัฐมนตรีทั้ง 3 กระทรวง ได้หารือกันเรียบร้อยแล้ว เพื่อสอบสวนหาสาเหตุของการรั่วไหลในครั้งนี้ รวมทั้งหามาตรการหรือแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำอีก

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่เคยเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน และส่งผลกระทบในวงกว้างนั้น จากการตรวจสอบทั้งในส่วนของปริมาณน้ำมัน กระแสคลื่นลม และทิศทางลมในวันนี้ มีความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการติดตามความเสียหายในทุกมิติ ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการประสานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมและความเสียหายในทุกมิติต่อไป 

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ล่าสุดจากการสำรวจทางอากาศพบว่า คราบน้ำมันได้ลอยเข้าใกล้ชายฝั่งมากขึ้น แต่ยังห่างจากฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร โดยการดำเนินการหลังจากนี้ บริษัทจะทำการประเมินการเคลื่อนตัว และลักษณะของคราบน้ำมัน จัดเตรียมแผนในการเก็บกู้คราบน้ำมันในทะเลโดยใช้เครื่องมือขจัดคราบน้ำมัน (Skimmer : อุปกรณ์สกิมเมอร์ (Skimmer) เพื่อทำการเก็บคราบน้ำมันขึ้นไปเก็บในภาชนะที่เตรียมไว้บนเรือ

รวมถึงการทดลองใช้แบคทีเรียในการเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบน้ำมันตามคำแนะนำของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และจัดเตรียมอุปกรณ์และกำลังพล เพื่อเก็บกู้คราบน้ำมันหากพบบริเวณชายฝั่ง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ชายฝั่ง 

ด้าน นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารระบบ และความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อม และอาชีวอนามัย บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม กล่าวว่า บริษัทได้ทำการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน โดยทางเรือและเฮลิคอปเตอร์ ที่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพเรือภาคที่ 1 พบว่า สามารถลดปริมาณคราบน้ำมันและพยายามควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว

ทั้งนี้ บริษัท ยินดีรับผิดชอบและเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งจัดให้มีสายด่วนรับเรื่องร้องเรียน ที่หมายเลข 038-699-090 ซึ่งหากพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์