ทรงตัวถึงฟ้น และลุ้นจุดเปลี่ยนทางจิตวิทยาหลังการประชุม FOMC

ทรงตัวถึงฟ้น และลุ้นจุดเปลี่ยนทางจิตวิทยาหลังการประชุม FOMC

IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ 4.4% จากคาดการณ์เดิม 4.9% ซึ่งมีผลกระทบหลักมาจากการระบาดของโควิด-19, ภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน และเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยการปรับลด GDP 2565 ลงหลักๆมาจากประเทศและเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ สหรัฐฯ (4.4% จาก 5.2%), ยุโรป (3.9% จาก 4.3%) และจีน (4.8% จาก 5.6%) ขณะที่ประเทศส่วนใหญ่การเติบโตเป็นภาพที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ASEAN-5 เป็นกลุ่มประเทศที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางฟื้นตัว โดยมี GDP ปี 2565-66 ที่ 5.6% และ 6.0% (ขณะที่คาดการณ์ไทยเติบโต 4.1% และ 4.7%) ซึ่งยังคงโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น ดังนั้นเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางเม็ดเงิน (Fund flow) ที่มีโอกาสเข้าภูมิภาคและไทยจากการกระจายและจัดสรรเม็ดเงินลงทุนที่มีโอกาสเข้าประเทศในอาเซียนมากขึ้น ซึ่งไทยในฐานะตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงสุด น่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว

 

คาดตลาดเริ่มทรงตัวลุ้นจุดเปลี่ยนทางจิตวิทยาจากการประชุม FOMC ในระยะสั้นเรามองตลาดอาจเริ่มทรงตัวหลังรับรู้ข่าวร้ายจำนวนมากได้แก่ 1) โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง และเริ่มตั้งแต่มี.ค.65 2) การปรับลด GDP โลกของ IMF 3) ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่การเติบโตอาจจะจำกัด หรือได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน // ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ปัจจัยใหม่ ดังนั้นหากคืนนี้ไม่มีข้อกังวลหรือข่าวร้ายใหม่จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) เรามองตลาดมีโอกาสลุ้นฟื้นตัวหลังตอบรับปัจจัยลบส่วนใหญ่แล้ว ขณะที่ในเชิงเก็งกำไร และบริหารความเสี่ยง ให้ใช้การยืนเหนือ 1,637 จุด ประกอบการตัดสินใจ
 

 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง การเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ บวกต่อ CK, STEC, ITD, UNIQ 2) กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ตลาดเก็งกำไรการเข้าสู่ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิตอล และผลประกอบการปี 2564 ที่น่าจะเห็นการจ่ายปันผลในระดับที่ดี อย่างไรก็ตามยังมีความไม่ชัดเจนของภาพรายได้ปี 2565 อีกมาก การเก็งกำไรจึงควรกำหนจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง KGI, ASP, CGH, FSS 3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 4) กลุ่มบันเทิง ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากงบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO 5) หุ้นเก็งกำไรทางเทคนิค อาทิ SFT, WFX, CV, UBE, VPO, CPI, TOP, GJS, RAM, IND

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ทรงตัวถึงมีโอกาสฟื้น หลังรายงานของ IMF แม้จะปรับลดคาดการณ์ GDP โลกลง แต่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจประเทศในอาเซียน ที่คาดจะเห็น GDP ฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 65 และ 66 ขณะที่ลุ้นจุดเปลี่ยนเชิงจิตวิทยา จากการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงินสหรัฐฯ ภาพรวมยังระวังหุ้นแรงขายทำกำไรกลุ่มผู้ชนะจากโควิด (อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์) และหมุนไปยังกลุ่มที่ปลอดภัยหรือ Valuation ต่ำมากขึ้น //หุ้นแนะนำ: PTTEP*, BBL, TU, TC*

แนวรับ: 1,620-1,637 / แนวต้าน : 1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

ดัชนีราคาที่ดินเปล่าในกทม.-ปริมณฑล Q4/64 ชะลอลง–ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 4Q64 มีค่าดัชนีเท่ากับ 339.0 จุด เพิ่มขึ้น 1.4% qoq และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.7% yoy

ธปท.-กลต.คุมเงินดิจิทัล – ธปท.และก.ล.ต.หารือกับกระทรวงการคลังออกร่างหลักเกณฑ์ห้ามผู้ประกอบธุรกิจที่รับอนุญาต ได้แก่ ศูนย์ซื้อขาย นายหน้า ผู้ค้า ที่ปรึกษา และผู้จัดการเงินทุน ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางในการชำระสินค้าและบริการ

VGI – เพิ่มทุนแบบตามสิทธิ์ (RO) ในอัตรา 10:3 ที่ราคา 5 บาท โดยจะได้รับ VGI-W3 ในอัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุน: 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ อายุ 5 ปี ราคาใช้สิทธิ์ 11.90 บาท

 

ระเด็นติดตาม: - 26 ม.ค. – Fed meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)