จับตาการประชุมเฟด (วันที่ 25 มกราคม 2565)

จับตาการประชุมเฟด (วันที่ 25 มกราคม 2565)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงราว -12 จุด จากแรงขายในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง และพลังงาน การปรับตัวลงของดัชนีเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ปรับตัวลง -0.3% ถึง -1.0%

นโยบายทางการเงินของ FED ยังคงกดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก นักลงทุนติดตามการประชุม FED ในช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,640.54 จุด -12.19 จุด -0.74% มูลค่าการซื้อขาย 76,906 ลบ. ต่างชาติ +2,205.75 ลบ. TFEX -2,610 สัญญา ตราสารหนี้ +982.61 ลบ.


ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 99.13 จุด +0.29% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรในช่วงท้ายตลาด หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดในระหว่างวันจากความกังวลว่า FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด รวมทั้งความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน
+ กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเปิดเผยรายงานล่าสุดว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 4 ช่วยให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปในอิสราเอลมีภูมิคุ้มกันการเจ็บป่วยรุนแรงเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบ 3 เข็ม
+ แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวเชื่อมั่นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอนในรัฐส่วนใหญ่ของสหรัฐจะถึงจุดสูงสุดภายในกลางเดือนก.พ.นี้
+ CDC ของสหรัฐเปิดเผยว่า วัคซีนเข็มบูสเตอร์สามารถลดความเสี่ยงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้
+ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าตลาดหุ้นไทยเป็นฮับระดมทุนในภูมิภาค เดินหน้าปรับเกณฑ์ดึงดูดบริษัทต่างประเทศเข้ามาระดมทุนเพิ่มขึ้น เผย รอ ก.ล.ต. ไฟเขียวเกณฑ์ "แฟรคชันนัล ดีอาร์" คาดชัดเจนช่วง ไตรมาส 2-3 ปี 65
+ ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ปี 64 เท่ากับ 959,194 คัน +30.35% ตั้งเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ปี 65 ที่ 1.8 ล้านคัน ผลิตเพื่อการส่งออก 1 ล้านคัน +4.54%
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,718 ราย ATK 2,032 ตาย 12 ราย มีผู้เสียชีวิต 12 ราย รักษาหาย 7,659 ราย

 

 

 

ปัจจัยลบ   

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.83 ดอลลาร์ หรือ 2.15% ปิดที่ 83.31 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
- ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.8 ในเดือนม.ค. ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 57.0 ในเดือนธ.ค.
- รัสเซียกล่าวว่า สหรัฐและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กำลังเพิ่มความตึงเครียดต่อสถานการณ์ในยูเครนด้วยการกระพือข่าวที่สร้างความตื่นตระหนก
- IMF ให้ความเห็นว่า นโยบาย Zero-Covid ของจีนเริ่มเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจมากขึ้นทุกที เนื่องจากส่งผลกระทบแง่ลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก
- ธปท.เตรียมออกเกณฑ์ดูแล การใช้เงินดิจิทัล ชำระค่าสินค้าและบริการ ย้ำไม่ได้ปิดกั้นทั้งหมดแต่ต้องแยกเป็นประเภท ทำให้ธุรกิจที่รับชำระเป็นเงินดิจิทัลปรับตัวรับได้
- หอการค้าไทย เปิดเผยว่าในปี 65 จะเห็นการปรับฐานครั้งยิ่งใหญ่ของราคาอาหารในทั่วโลก ไม่เฉพาะในไทย เนื่องจากต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นมาก

 

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดในยูเครน ประกอบกับยังระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการประชุมเฟดวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ ขณะที่ราคาน้ามันดิบที่ปรับตัวลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,625-1,650 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM
• ได้ประโยชน์จากมาตรการ EV : EA NEX GPSC BCPG FORTH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 : ERW CENTEL MINT AOT AAV BA ASAP

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                           KKP (Bloomberg Consensus 76 บาท)

จับตาการประชุมเฟด (วันที่ 25 มกราคม 2565)

 

•ปี 64 มีกำไรสุทธิ 6,318 ล้านบาท +23%YoY หากรวมกำไรที่เกิดขึ้นจริงจากการขายเงินลงทุนที่วัดมูลค่ายุติธรรมจำนวน 842 ล้านบาทคิดเป็นกำไรเบ็ดเสร็จ 7,069 ล้านบาท +30.5%YoY รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +7% จากสินเชื่อเติบโต 16.5% NIM ปรับลดลงเล็กน้อยเหลือ 5.3% จาก 5.5% ในปี 63 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย +30.4% จากธุรกิจตลาดทุนที่มีรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจ Private Wealth Management ธุรกิจ วาณิชธนกิจในการเป็นที่ปรึกษาหุ้น IPO (ปี 64 มีดีล IB เด่น อาทิ TIDLOR ONEE) และรายได้ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่บล.เกียรตินาคินภัทรมีส่วนแบ่งตลาด 14.04% #1

•%NPL ต่อสินเชื่อ 3% เพิ่มขึ้นจาก 2.9% ณ ปลายปี 63 ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) +27% จากการพิจารณาตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม ส่งผลให้ Coverage Ratio อยู่ในระดับสูงที่ 175% ฐานะเงินกองทุนยังแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นของธนาคาร (BIS ratio) เท่ากับ 16.41%

•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปี 65 เฉลี่ย 6,448 ล้านบาท +2%YoY IAA consensus คาด yield เฉลี่ย 5.8%

 

หุ้นมีข่าว

(+) STARK (Bloomberg Consensus 6.40 บาท) รุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ตั้งเป้าโกยรายได้นิวไฮแตะ 3 หมื่นล้านบาท ชูสายไฟที่ใช้ในรถ EV เป็นตัวเชื่อม ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับสถานีชาร์จ เล็งอัพกำลังการผลิต ทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม เน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง พร้อมลุยตลาดส่งออกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เดินหน้าออกสินค้าใหม่อีกเพียบ พร้อมตุน Backlog กว่าหมื่นล้านบาท หนุนอนาคตก้าวกระโดด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PJW (Bloomberg Consensus - บาท) ซื้อหุ้น บริษัท มาสเตอร์ ลอนดรี้ จากัด แตกไลน์ธุรกิจใหม่บริการซักอบรีด หวัง IRR ที่ 16% มองผลดีในระยะยาว ประเดิมให้บริการกลุ่มโรงพยาบาล และโรงงาน คาดกวาดรายได้เข้ากระเป๋า 100 ล้านบาท แย้มธุรกิจพ่นสีมีลุ้นพลิกบวก ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์โตเท่าตัว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TWPC (Bloomberg Consensus 6.70 บาท) ดีมานด์แป้งมันสำปะหลังโตต่อเนื่อง ราคาขายทรงตัวระดับสูง พร้อมกลุ่ม Food Products ยอดขายดีในทุกช่องทาง ลุยผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) ดันมาร์จิ้น-รายได้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก จากปี 2564 ส่วนธุรกิจใหม่ "ไบโอพลาสติก" เผยมีลูกค้าเรียบร้อยแล้ว จ่อเฟส 2 ต่อทันที ส่วนงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ที่ 300-400 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITEL (Bloomberg Consensus 6.65 บาท) เปิดตัวพันธมิตรดาต้าเซ็นเตอร์ ยักษ์ใหญ่ออสเตรเลีย "Etix Everywhere" หลังซื้อหุ้นของ เจเนซิส ดาต้า เซ็นเตอร์ สัดส่วน 67% จาก AIT และ WHA มั่นใจเสริมแกร่งธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าโครงการ "Genesis Data Center" ได้เพียบ เผยผู้ให้บริการ Cloud ต่างประเทศต้องการใช้ไทยเป็นฐาน Data Center ความร่วมมือดังกล่าวหนุนงบ ITEL โตแรง (ที่มา ทันหุ้น)