Hotel Sector มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะถัดไป

Hotel Sector มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะถัดไป

ศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 (ศบค.) มีมติให้ประเทศไทยกลับมาเริ่มโครงการ Test & Go อีกครั้ง (เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565

โดยกำหนดว่านักท่องเที่ยวต้องทำการตรวจ RT-PCR สองครั้ง (ในวันแรก และหลังจากนั้นอีกห้าวัน) ในขณะเดียวกัน ศบค. ได้ขยายพื้นที่โครงการ Sandbox โดยได้รวมพัทยา และเกาะช้างเข้ามาด้วย (จากเดิมที่มีแค่ภูเก็ต เกาะสมุย กระบี่ และพังงา)

การกลับมาเริ่มโครงการ Test & Go อีกครั้ง และการที่รัฐบาลสามารถคุมโรคระบาดทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 8 ล้านคนในปี 2565F (สูงกว่าประมาณการในปีนี้ของ ธปท. ที่ 5.6 ล้านคน)

 

เราคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565F เอาไว้เท่าเดิมที่ 8 ล้านคน

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวการกลับมาเริ่มโครงการ Test & Go ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เป็นไปตามประมาณการของเราที่ 8 ล้านคน โดยยังคาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 2Q65F เป็นต้นไป (Figure 3)


Hotel Sector มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะถัดไป

 

นอกจากนี้ การตอบสนองของรัฐบาลในช่วงนี้ยังช่วยยืนยันมุมมองของเราว่า Omicron จะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวไทยในวงจำกัด และความกังวลเรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจาก i) ผู้คนเริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ COVID-19 ส่งผลให้มาตรการคุมโรคระบาดต่อจากนี้จะมีความเข้มงวดน้อยลง ii) การเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงด้าน downside ในระยะกลางถึงยาวลงได้

จนถึงขณะนี้ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของประชากรไทยคืบหน้าไปมากแล้ว โดยประชากรไทยในปัจจุบันได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว 16% ของประชากรทั้งหมด (เพิ่มขึ้นจาก 9% เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565) เรายังคงคาดการณ์ว่าจะสามารถฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกัน COVID-19 ได้มากกว่า 50% ของประชากรไทยทั้งประเทศภายในปลาย 1Q654F (Figure 4)

Hotel Sector มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะถัดไป

คงให้นํ้าหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight

เนื่องจากเราคาดว่าสถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกจะดีขึ้น และมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทั่วโลก (Figure 5) เราจึงยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight โดยเรายังคงเลือก MINT (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท) และ SHR (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากเราคาดว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมในต่างประเทศจะฟื้นตัวได้ดีกว่าในระยะสั้นถึงระยะกลาง

Hotel Sector มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะถัดไป

Risks

COVID-19 ระบาดอย่างยืดเยื้อ และปัญหาความไม่สงบทางการเมือง