มีโอกาสลงต่อ (ประจำวันที่ 19 มกราคม 2565)

มีโอกาสลงต่อ (ประจำวันที่ 19 มกราคม 2565)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง ราว -16 จุด จากแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน และ ค้าปลีก ปัจจัยกดดันมาจาก Bond Yield U.S. 2Y ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.0404%

สะท้อนถึงการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.นี้  ทำให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,660.27 จุด -16.60 จุด -0.99% มูลค่าการซื้อขาย 113,953 ลบ. ต่างชาติ -2,957.10 ลบ. TFEX -10,701 สัญญา ตราสารหนี้ +14,363.64 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ +1.9% ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังกลุ่มกบฏฮูตีก่อเหตุโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ส่งผลให้กังวลว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะรุนแรงมากขึ้นและส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
+ กลุ่มรมว.คลังยูโรโซน (Eurogroup) เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงจะคงอยู่นานกว่าที่คาดแต่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
+ จีนรายงานยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนในจีนเพิ่มขึ้น 15.9%YoY แตะที่ 342.8 ล้านเครื่องในปี 2564 แสดงให้เห็นว่าตลาดมือถือฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
+ ครม.มีมติอนุมัติโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ตดำเนินการในรูปแบบ PPP เงินลงทุนเริ่มต้น 14,670.57 ล้านบาท ระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร
+ ก.การท่องเที่ยวฯ จะเสนอศบค. ชุดใหญ่ในวันที่ 20 ม.ค.ขอให้เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยแบบเทสต์แอนด์โก (Test & Go) ได้อีกครั้งในเดือนก.พ.
+ ก.คลังจ่อขยายคนละครึ่งเฟส 4 เพิ่มเป็น 3 เดือน บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาสินค้าแพง เลื่อนยืนยันสิทธิเป็น 14 ก.พ. เริ่มใช้สิทธิวันแรก 21 ก.พ. ไม่ยืนยันได้วันละ 150 บาทหรือไม่
+ ก.คลังประกาศลดค่าโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนจำนองมีผลบังคับใช้แล้วจนถึง 31 ธ.ค. 2565 คาดช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายอสังหาฯ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท เพิ่มการบริโภคในประเทศได้ 7.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มการลงทุน 1.35 แสนล้านบาท และส่งผลให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.58%
 

 

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 7,122 ราย มีผู้เสียชีวิต 12 ราย รักษาหาย 7,460 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 543.34 จุด -1.51% เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผย กำไรลดลงใน 4Q64 ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
- สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลดลง 1 จุด สู่ระดับ 83 ในเดือนนี้ โดยค่าดัชนีสูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้มุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก
- แพทย์ใหญ่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะเป็นไวรัสที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโควิด-19 จากการระบาดใหญ่ไปเป็นโรคประจำถิ่น
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนลุกลามไปยังศูนย์กลางทางการเมือง การเงิน และเทคโนโลยีของจีนเป็นครั้งแรก สร้างแรงกดดันต่อจีนในการรับมือ ขณะใกล้ถึงงานมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาวในอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ข้างหน้า
- ส.อ.ท.เปิดเผยว่า แนวโน้มต้นทุนอุตสาหกรรมอาหารในปี 65 สูงขึ้นอีกใน 3-6 เดือนข้างหน้าประมาณ 10-20% เนื่องจากปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้ตรึงราคาสินค้า และมีโอกาสสูงต้องปรับราคาขึ้นแน่นอน
- SCB EIC คาดว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนในช่วง 1H65 จะอยู่ในช่วง 89.5-90.5% ต่อ GDP ก่อนทยอยปรับลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 2H65 เป็นต้นไป หลังการแพร่ระบาดของ โควิดสายพันธุ์โอมิครอนเบาบางลง

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก โดยมีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,650-1,670 จุด

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง PTTEP PTTGC IVL
• ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM
• ลุ้นครม.เคาะมาตรการ EV 25 ม.ค. EA NEX GPSC BCPG FORTH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ERW CENTEL MINT AOT AAV BA ASAP

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                               TNP

                                             “ซื้อ”  ราคาเหมาะสม 7.20 บาท

•ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มผลประกอบการงวด 4Q64 โต YoY และ QoQ จากแผนขยายสาขา 2 แห่งสู่ 38 สาขา (+6 สาขา YoY +2 สาขา QoQ) และการเข้าสู่ช่วง High Season โดยเราคาดรายได้และกำไรทั้งปี 64 ราว 2,553 ลบ. +16%YoY และ 184 ลบ. +37%YoY ตามลำดับ ขณะที่ปี 65 เราคาดรายได้และกำไรราว 2,815 ลบ. +10%YoY และ 211 ลบ. +16%YoY ตามลำดับ จากแผนขยายสาขาใหม่ในปี 65 อีก 6 สาขา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ คนละครึ่งเฟส 4 ซึ่งคาดจะเริ่มใช้จ่ายได้ราวปลายเดือน ก.พ. 65

•"แฟลช เอ็กซ์เพรส" จับมือ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกภาคเหนือ "ธนพิริยะ" เปิดจุด Drop Off 38 สาขาทั่วภาคเหนือ รองรับความต้องการ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น (Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์)

•ความเห็น เรามองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว แม้บริษัทจะมีรายได้จากการให้เป็นจุด Drop Off เพียงเล็กน้อย (ไม่กระทบต่อประมาณการ) แต่คาดจะช่วยให้ Traffic ร้านปรับดีขึ้น ประกอบกับบริษัทมีแผนขยายช่องทางขายสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Shopee Lazada คาดจะเริ่มดำเนินการช่วง 2-3Q65 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็น Upside ต่อประมาณการปี 65

 

หุ้นมีข่าว

(+) STANLY (Bloomberg Consensus 198.00 บาท) ลงทุนพร้อมรับการเปลี่ยนผ่านการผลิตสู่รถไฟฟ้า ลั่นตุนออเดอร์ไฟส่องสว่างทั้งรถรุ่นปัจจุบัน-รถใหม่-รถพลังงานไฟฟ้า ทั้งไฮบริด-รถอีวี รองรับรายได้-กำไร ต่อเนื่อง 2-3 ปี ส่งซิกผลงานไตรมาส 4/2564/2565 (ต.ค.-ธ.ค.64) แตะจุดสูงสุดของปี หนุนจากการจัดงานมหกรรมรถยนต์หลายงาน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SABUY (Bloomberg Consensus 39.00 บาท) ลุยต่อยอด "ORANGE EXPRESS" หรือ "น้องส้ม" เพื่อให้บริการรับส่งพัสดุแก่ร้าน Drop Off จากกลุ่มบริษัท ได้แก่ Shipsmile และ Plus Express รวม 6,000 กว่าสาขาทั่วประเทศ พร้อมวางแผนขยายจุดบริการให้ครอบคลุมร้าน Drop Off ในเครือ ทั้งหมด 8,000 สาขาในปี 2565 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASAP (Bloomberg Consensus 2.70 บาท) พ้นจุดต่ำ! ราคารถมือสองรีเทิร์นแรง-รถเช่าหวนกลับ หนุนผลงานฟื้นตัวแรง บิ๊ก "ทรงวิทย์" พลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ ตั้งทีมสร้างแพลตฟอร์มซื้อขาย "ยูสคาร์" ตอบโจทย์โลกใหม่ หวังขยายอีโคซิสเต็มกว้างขึ้น ธุรกิจประกันภัยปีนี้โต 10 เท่าใน 3 ปี ศึกษาออกโทเคนปั้นอีโคซิสเต็มคาดชัดเจนช่วงเมษายนนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ECL (Bloomberg Consensus 2.65 บาท) กางแผนปี 2565 ผลงานโดดเด่นจัดการคุณภาพหนี้เสียได้ดีขึ้น พร้อมตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตสินเชื่อใหม่โต 30% เชื่อหากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติหนุนพอร์ตแตะ 10,000 ล้านบาท ระบุมีฐานทุนญี่ปุ่นหนุนแกร่ง ลุยขยายสินเชื่อรถ EV เจาะกลุ่มลูกค้า B2B และรุกธุรกิจจำนำทะเบียน เตรียมให้บริการไตรมาสที่ 1/2565 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)