กอช.เผยพิษโควิดทำสมาชิกหยุดส่งเงิน 1 ล้านราย

กอช.เผยพิษโควิดทำสมาชิกหยุดส่งเงิน 1 ล้านราย

กอช.เผย พิษโควิดทำสมาชิกหยุดนำส่งเงินออมเข้ากองทุนถึง 1 ล้านราย หรือ 50% ของสมาชิกทั้งหมด ผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ 0.8% ขณะที่ จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 6 หมื่นราย เตรียมแก้กฎหมายขยายอายุผู้ออมเพิ่มเป็น 65 ปี กรณีเจ็บป่วยขอเงินบำเหน็จแทนบำนาญได้

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.)เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนสมาชิก กอช.ที่หยุดการนำส่งเงินออมเข้ากองทุนจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้ออมขาดรายได้ โดยมีจำนวนสมาชิกที่หยุดการนำส่งเงินเข้ากองทุนสูงประมาณ 1 ล้านราย หรือ 50% จากยอดสมาชิกทั้งหมดประมาณ 2 ล้านราย

“ต้องยอมรับว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ทำให้คนรายได้น้อยมีรายได้ลดลง จึงได้หยุดการนำส่ง”

อย่างไรก็ดี ในปี 2564 มีจำนวนสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มถึง 6 หมื่นราย ถือว่า เป็นจำนวนที่สูง เพราะเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ ปี 2565 ทาง กอช.ไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายจำนวนสมาชิกชัดเจน แต่ยังคงเดินหน้าเพิ่มจำนวนสมาชิกต่อไป

“แนวทางการหาสมาชิกใหม่นั้น เราจะเน้นขอความร่วมมือกับส่วนท้องถิ่น โดยจะลงพื้นที่ เพื่อเข้าไปทำความเข้าใจแก่ประชาชนให้เข้าถึงการออมเงินให้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมการออมในวัยเรียน แต่ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา การทำความเข้าใจแก่นักเรียน นักศึกษาจะยาก เพราะเป็นช่วงโควิด-19 การเรียนการสอนส่วนใหญ่เป็นแบบออนไลน์”

เลขา กอช.กล่าวด้วยว่า ในปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนการลงทุนของ กอช.อยู่ที่ 0.80% ซึ่งยอมรับว่า เป็นจำนวนไม่มากนัก แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนเงินเฟ้อ และผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากก็ถือว่า ยังสูงอยู่ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ กอช.มีประกันในเรื่องเงินต้น ดังนั้น รูปแบบการลงทุนจึงต้องลงทุนในทรัพย์สินที่มั่นคง ทำให้ กอช.สามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหรือหุ้นได้เพียง 7% ทำให้ภาพรวมผลตอบแทนการลงทุนน้อย ปัจจุบัน กอช. มีเงินกองทุนสะสมอยู่ที่ 1หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ในปี 2565 กอช.ยังคงเดินหน้าแก้กฎหมาย เพื่อจูงใจให้สมาชิกเข้ามาออมเพิ่ม โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือ การเพิ่มหลักประกันให้กับผู้สูงอายุ โดยขยายอายุให้สมาชิกเข้ามาออมได้จาก 60 ปี เป็น 65 ปี และแก้กฎหมายให้ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 40 สามารถเข้ามาเป็นสมาชิก กอช. ได้ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการออมได้มากขึ้น และรองรับสังคมสูงวัยอีกด้วย โดยขณะนี้ ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ(บอร์ด)แล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาในระดับนโยบาย

นอกจากนี้ ยังจะมีการแก้กฎหมายให้สมาชิกที่เกษียณอายุและเกิดการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย สามารถเลือกรับบำเหน็จได้ จากเดิมกฎหมายระบุให้รับบำนาญได้อย่างเดียว อย่างไรก็ดี จะต้องมีหลักฐาน ทางการแพทย์มายืนยัน เพื่อขอเปลี่ยนการรับเงินสะสมเป็นก้อน

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์