โบรกสแกนหุ้นได้-เสียประโยชน์ ‘เงินเฟ้อ’ ลงทุนสู้ดอกเบี้ยขาขึ้น

โบรกสแกนหุ้นได้-เสียประโยชน์ ‘เงินเฟ้อ’ ลงทุนสู้ดอกเบี้ยขาขึ้น

นักวิเคราะห์ประเมินหุ้นได้-เสียประโยชน์เงินเฟ้อ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ แนะนำ "แบงก์-ประกัน-สินค้าโภคภัณฑ์" หลีกเลี่ยงอสังหาฯ-กองรีท-อินฟราฟันด์-ไฟแนนซ์

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-14 ม.ค.2565) ดัชนี SET (SET Index) เพิ่มขึ้น 15.57 จุด หรือ 0.94% มาอยู่ที่ 1,672.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 4.2 แสนล้านบาท ระหว่างสัปดาห์ทดสอบจุดสูงสุดที่ 1,682.46 จุด และต่ำสุดที่ 1,654.05 จุด

โดยความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าคาดการณ์ จากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในปัจจัยแวดล้อมสำคัญที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวของดัชนี ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในยามที่เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้กำหนดนโยบายอย่างธนาคารกลาง ต่างต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับภาวะดังกล่าว

ท่ามกลางดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะได้ประโยชน์โดยตรงจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ปรับขึ้น รองลงมาคือหุ้นกลุ่มประกัน เพราะได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) ที่ปรับขึ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่กลุ่มประกันมีสัดส่วนการลงทุนมากที่สุดในพอร์ต

หุ้นเงินเฟ้อ หุ้นได้ประโยชน์เงินเฟ้อ

อีกหนึ่งกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะได้ประโยชน์จากราคาพลังงานและราคาโลหะที่ปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ ซึ่งในอดีตกลุ่มนี้สามารถปรับขึ้นราคาขายสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้

ขณะที่กลุ่มที่คาดว่าจะเสียประโยชน์ คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (กองรีท) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) โดยเฉพาะกองรีทที่กำหนดระยะเวลาการเช่า (Leasehold)

เพราะนอกจากการประเมินมูลค่ากองที่ลดลงแล้ว ยังมีความเสี่ยงไม่สามารถปรับเพิ่มค่าเช่าให้เท่าทันกับอัตราดอกเบี้ยในตลาด ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนที่ได้จากกองรีทเมื่อเทียบกับบอนด์ยิลด์ (Yield Gap) ลดลง

รวมถึงกลุ่มสินเชื่อเพื่อการบริโภค (Consumer Finance) ที่ต้นทุนการกู้ยืม ได้แก่ เงินกู้ธนาคาร และหุ้นกู้ ปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด

สำหรับหุ้นเด่นแนะนำของกลุ่มที่ได้ประโยชน์ กลุ่มแบงก์แนะนำธนาคารขนาดใหญ่ 

  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
  • ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

ส่วนกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ แนะนำ

  • บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP)
  • บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)
  • บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ คาดว่ากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันที่ราคาปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ รองลงมาคือกลุ่มธนาคารที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น

โดยหุ้นเด่นแนะนำในกลุ่ม กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ แนะนำ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ส่วนกลุ่มธนาคาร แนะนำ SCB และธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากประเด็นเงินเฟ้อแล้ว แนะนำผู้ลงทุนประเมินปัจจัยแวดล้อมของแต่ละกลุ่มประกอบก่อนการลงทุน