อธิบดีกรมปศุสัตว์ขอเวลา 8-12 เดือนพลิกสถานการณ์ราคาหมูแพง

อธิบดีกรมปศุสัตว์ขอเวลา  8-12 เดือนพลิกสถานการณ์ราคาหมูแพง

อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยหลังนายกฯ เรียกแจงด่วนปม ASF ขอเวลาพลิกสถานการณ์ 8-12 เดือน ยันไม่ถอดใจ ระบุผ่านมาหลายโรคระบาดก็ควบคุมได้ ขณะที่นายกฯ สั่งควบคุมการแพร่ระบาด ฟื้นฟูเกษตรกรรายย่อย ตรึงราคา

ทำเนียบรัฐบาล 14 ม.ค. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์กิจจา อุไรรงค์ ภาควิชาเวชศาสตร์และทรัพยากรการผลิตสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในประเด็นการแก้ไขปัญหา โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF ส่งผลทำให้ราคาเนื้อสุกรภายในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ 

นายสัตวแพทย์สรวิศ เปิดเผยแพร่หลังที่แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีว่า ได้เรียกมาถามว่ากรมปศุสัตว์ ขณะนี้ได้มีการแก้ไขปัญหาอย่างไรไปถึงไหน ซึ่งนายกรัฐมนตรีนั้นเข้าใจ ต้องการให้เดินหน้าไปด้วยกัน ทั้งยังสั่งการให้ดำเนินการเรื่องของการควบคุมโรคเร็วที่สุด มีประสิทธิภาพประสิทธิผลและฟื้นฟูเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยว่าจะมีการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง

ทั้งยังสั่งการให้ดำเนินการเรื่องของการควบคุมโรคเร็วที่สุด มีประสิทธิภาพประสิทธิผลและฟื้นฟูเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยว่าจะมีการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง นอกจากนี้ในเรื่องของการพัฒนาวัคซีน ซึ่งเกิดมาร้อยกว่าปีแต่ยังไม่มีวัคซีน และแนวทางการสำรวจว่าสุกรที่สูญหายไปจากระบบ กว่าร้อยละ 50-60 เป็นจริงหรือไม่ 

จึงได้ขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย แทนการมุ่งโทรหาปศุสัตว์อย่างเดียวซึ่งมีคนน้อยคงทำงานไม่ได้ และทำให้ประชาชนผู้บริโภคเดือดร้อนน้อยที่สุด ขณะที่การตรึงราคาสินค้าสุกร ต้องคุยกับกรมการค้าภายใน นายกรัฐมนตรีรับทราบมาโดยตลอด ว่ากรมปศุสัตว์ทำอะไรตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่ากรมปศุสัตว์นั้นปกปิดการแพร่ระบาด นายสัตวแพทย์สรวิศ ชี้แจงว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเข้าใจ เนื่องจากได้รายงานนายกรัฐมนตรีโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2561 ที่แพร่ระบาดในประเทศจีน และปี 2562 ทำอะไรไปบ้างยกระดับสู่การเป็นวาระแห่งชาติ หากเราปกปิด ไม่เช่นนั้นเราส่งออกไปต่างประเทศ 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งเวียดนามและกัมพูชาคงไม่ได้ เพราะจะต้องมีการตรวจโรค จึงเป็นคำตอบที่สำคัญ

ขณะที่การของบประมาณ 574 ล้านบาทเพื่อเยียวยา ฟื้นฟูเกษตรกรรายย่อย จากการลดความเสี่ยง เกิดโรคระบาด ตามหลักระบาดวิทยาของสัตวแพทย์ ที่จะต้องมีการประกาศการแพร่ระบาดและให้รัฐบาลเป็นผู้ชดเชยเยียวยา ซึ่งจะเป็นการชดเชย จะครอบคลุมเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยไม่ครอบคลุมผู้ประกอบการรายใหญ่

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ขีดเส้นตายการแก้ไขปัญหา แต่ขอให้ช่วยเหลือกัน กับเพื่อนบ้าน เพราะต้องเข้าใจว่าโรคนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิด 34 ประเทศทั่วโลก แต่นายกรัฐมนตรีได้ถามตนว่าราคาสุกร ทั้งระบบจะแล้วเสร็จเมื่อใด ซึ่งตนก็มีการรายงานไปว่าจะใช้เวลา 8 - 12 เดือน

ขณะที่นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปว่า ไม่ทราบว่าหมูหายไปไหน อธิบดีกรมปศุสัตว์ชี้แจงว่า ปกติถ้ามีการแจ้งมากรมปศุสัตว์ก็จะมีการตรวจสอบ และเก็บตัวอย่าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีข้อสั่งการให้สำรวจว่าสุกรนั้นมีอยู่เท่าไหร่

ส่วนฟาร์มแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐมออกมาระบุว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อ ASF และมีหมูล้มตาย มากว่า 2 ปีแล้วนั้น นายสัตวแพทย์กิจจา ระบุว่า ประเด็นสำคัญเมื่อประกาศโรคอย่างเป็นทางการแล้ว มาตรการที่จะต้องดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ เป็นเรื่องการฟื้นฟู อุตสาหกรรมเลี้ยงสุกรให้เข้มแข็งขึ้นเหมือนเดิม 

ส่วนความเสียหายเป็นอย่างไรนั้นต้องรอการประเมินอีกครั้งหนึ่ง พร้อมย้ำว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาคือจะต้องควบคุมการแพร่ระบาด โดยใช้หลักวิชาการเป็นหลัก แต่ไม่ให้เดือดร้อนกับผู้เลี้ยงและผู้บริโภค

เรื่องก่อนหน้านี้เป็นเรื่องก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่เราไม่ต้องพูดถึงแล้ว ส่วนราคาเนื้อหมูในปัจจุบันก็มีอยู่หลายปัจจัย

ส่วนประเด็นที่กลายเป็นว่าผู้บริโภคนั้นบริโภคหมูที่ติดเชื้อ มากว่า 2 ปีแล้วนั้น นายสัตวแพทย์กิจจาที่แจ้งว่า หากเป็นโรคนี้จริง ไม่มีการก่อโรคในคน และสัตว์ชนิดอื่น เนื้อหมูยังสามารถบริโภคได้ตามปกติ แต่ต้องเน้นสุขอนามัยที่ต้องกินสุก และไม่มีพิษภัยต่อคนยกเว้นสุกร ขออย่าตระหนกและตกใจ 

อธิบดีกรมปศุสัตว์ ยังปฏิเสธโดยระบุว่าไม่ทราบถึงกรณีที่มีการข่มขู่เกษตรกร ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดในพื้นที่

นายสัตวแพทย์สรวิศย้ำว่า ไม่มีการถอดใจในการทำงาน เพราะตั้งแต่ทำงานมาเป็นอธิบดี ก็ผ่านโรคระบาดมาหลายครั้ง ก็สามารถควบคุมเรียบร้อยทั้งหมด เช่นโรคในม้า และ lumpy Skin ในวัว ส่วนโรคนี้เกิดมาร้อยปีแล้วยังไม่มีวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจและให้กำลังใจในการทำงานสำเร็จลุล่วง 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรีแล้วเสร็จ อธิบดีกรมปศุสัตว์และนายสัตวแพทย์กิจจา ได้สวมกอดให้กำลังใจกันด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า.