MTC เปิดวิสัยทัศน์ก้าวสู่ธุรกิจ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 65

MTC เปิดวิสัยทัศน์ก้าวสู่ธุรกิจ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 65

บิ๊กบอส MTC "ชูชาติ เพ็ชรอำไพ" เปิดวิสัยทัศน์ก้าวสู่ธุรกิจ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 65 พร้อมโปรดักส์ใหม่สินเชื่อเงินผ่อนครบวงจร "ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง" ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งธุรกิจ Non-Bank ของเมืองไทย วางเป้าภายในปี 69 ยอดปล่อยกู้ทะลุ 200,000 ล้านบาท

     นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการบริหาร เรื่องการวางแผนธุรกิจในปี 2565 โดยเริ่มจากภาพรวมย้อนหลังเมื่อ  8  ปี  ก่อนเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ จากยอดสินเชื่อคงค้าง จำนวน  7,447 ล้านบาท  ปัจจุบัน  90,000 ล้านบาท , กำไร  544  ล้านบาท ปัจจุบันยอด (ประมาณการ)  5,000 ล้านบาท , จำนวนสาขา 506 สาขา  ปัจจุบัน  5,800 สาขา , จำนวนพนักงาน  1,690  คน  ปัจจุบัน  11,400  คน หรือคิดเป็นยอดเติบโตเฉลี่ย 1,000% ภายใน 8 ปี หรือเท่ากับเติบโต 125% ต่อปี

    จนปัจจุบันบริษัทฯได้เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจ Non-Bank โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด  45%  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯใช้เวลา 8 ปีจนก้าวข้ามมาเป็นผู้นำอันอับ 1  อย่างชัดเจนในอุตสาหกรรมนี้ 

      สำหรับความยั่งยืนขององค์กรดูได้จากผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก นอกจาก "กลุ่มเพ็ชรอำไพ" แล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่จะเป็นกองทุนทั้งต่างประเทศและกองทุนภายในประเทศที่ให้ความสนใจมาถือหุ้นของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก โดยมีกองทุนต่างชาติมาถือหุ้นประมาณ  15%, กองทุนไทยถืออยู่  10%  ที่เหลือเป็นนักลงทุนรายย่อยประมาณ 8%  แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของกองทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจลงทุนในหุ้นของบริษัทเป็นจำนวนมาก  ลงทุนเป็นระยะเวลานานและมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นตลอดทุกปี

     ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในอนาคต  นอกจากธุรกิจหลักของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ที่เน้นเรื่องสินเชื่อทะเบียนรถ, สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ,สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อที่ดิน แล้ว ในปี  2565  บริษัทฯ ได้เร่งทำการตลาดเพิ่มอีก 2 ธุรกิจ คือ  บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง  จำกัด  ที่ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่  ซึ่งมีแนวโน้มยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับ   โดยคาดหวังว่าในปี 2565  จะมียอดสินเชื่อประมาณ  6,000 ล้านบาท    และบริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด  ที่ให้บริการซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง กับกลุ่มลูกค้าเดิม   และหาลูกค้าใหม่มาเพิ่มเติม  โดยการเสนอสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ,คอมพิวเตอร์ , เครื่องใช้และของใช้ในบ้าน ตามนโยบาย ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ถือหุ้นโดยเมืองไทย แคปปิตอล เกือบ 100%
 

      สำหรับแผนงานในปี 2565  บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตสู่ธุรกิจ 100,000 ล้านบาท   โดยมีธุรกิจหลักคือ เมืองไทย แคปปิตอล  และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง และเมืองไทย เพย์ เลเทอร์   เป็นธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจในอนาคต โดยมีการวางแผนการทำตลาดทั้งลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดีและการเข้าหาลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการผ่านการดำเนินงานของสาขาที่มีบริการมากกว่า  5,800 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงการเปิดสาขาใหม่กว่า 600 สาขาต่อปี

            ประธานกรรมการบริหาร MTC กล่าวอีกว่า บริษัทฯวางแผนการเติบโตในอีก 4 ปี ข้างหน้าคือปี  2569  เพื่อก้าวสู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อได้ถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งการจะก้าวสู่เป้าหมายดังกล่าวนี้  บริษัทฯจะต้องเน้นในเรื่องบริษัทต้องเติบโต  20-25%  ต่อปี  ตลอด 4 ปี รวมทั้งควบคุมหนี้เสียไม่เกิน 2% และลดดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งเงื่อนไขในการบริการไม่เอาเปรียบลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน  โดยให้พนักงานรับผิดชอบการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของสาขา  โดยการเปิดสาขา เน้นจุดที่มีชุมชน และมีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมากเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าและลดข้อร้องเรียน

            "แผนงานดังกล่าว จะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2565 และวัดผลงานทุกไตรมาส ซึ่งที่ประชุมผู้บริหารมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวสู่ธุรกิจ 100,000 ล้าน ได้อย่างแน่นอนรวมทั้งสามารถดำรงความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งและรักษาการเติบโต 30% ได้อย่างแน่นอน"นายชูชาติ กล่าวในที่สุด