10 อันดับกองทุน ผลตอบแทน พุ่งแรงสุด รับเปิดศักราชปี 65

10 อันดับกองทุน ผลตอบแทน พุ่งแรงสุด รับเปิดศักราชปี 65

เปิดศักราชใหม่ปี 65 กองทุน "ผลตอบแทน" สูงสุด 10อันดับ นำโดย กอง K-GPE19A-UI ยิลด์สูงสุด 47.83% ส่วนกองสปอท33 ซี่รี่ส์ ของบลจ.เอ็มเอฟซี ติดท็อปเท็นมากสุด 4 กอง ขณะที่ "ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์" ของบลจ.วรรณ ลงทุนกรมธรรม์ประกันชีวิตในสหรัฐ มาแรง "มอร์นิ่งสตาร์"ชี้เทรนด์ลงทุนนอก-ESG

ทิศทางการลงทุนปี 2565 ที่มาพร้อมกับความผันผวน กับความไม่แน่นอน ทั้งจากนอกและในประเทศ โดยเฉพาะการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจเร็วกว่าที่ตลาดคาด หลังเงินเฟ้อสหรัฐขยับขึ้นระดับสูงต่อเนื่อง และที่สำคัญหลังปีใหม่ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่ อย่าง “โอมิครอน” จะมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ ล้วนเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดันการลงทุน

แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ดูเหมือนจะมีลุ้น “ครึ่งหลังของปี” หวังเปิดประเทศเต็มที่ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเพิ่มขึ้น กว่าครึ่งแรกของปี แต่ช่วง 6 เดือนแรกของปียังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายการเงินผ่อนคลายประคองไว้อยู่

 

10 อันดับกองทุน ผลตอบแทน พุ่งแรงสุด รับเปิดศักราชปี 65

   

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนปี 2565 เพื่อรับมือ “ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น” ทำให้ตลาดมีโอกาสผันผวนมากขึ้นต่อเนื่องจากปี 2564 “ ผู้จัดการกองทุน” ต่างเห็นตรงกันว่า “หุ้น” เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนมากกว่า และให้ผลตอบแทนดีกว่า “บอนด์”

แต่ที่สำคัญ นักลงทุนต้อง “จัดพอร์ตลงทุนผสมผสาน” ตามความเสี่ยงที่รับได้และมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เช่น หากสามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น หันมา “เพิ่มพอร์ตหุ้น” กระจายการลงทุนในหลายธีมเด่น ทั้งในและนอกประเทศ ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาวมากกว่า 1 ปีขึ้นไป แต่ในพอร์ตลงทุน ยังต้องมี “บอนด์” เพื่อลดความเสี่ยงช่วงตลาดหุ้นผันผวน

 

ทั้งนี้  จากการรวบรวมข้อมูลในเว็บไซด์  “บริษัท มอนิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ (ประเทศไทย)”  พบว่า 

กองทุนที่ทำ"ผลตอบแทน” สูงสุด10อันดับแรก  รับเปิดศักราชใหม่ปี 2565  ( ณ  7 ม.ค. 2564) ดังนี้
 

1.กองทุนเปิดเค โกลบอลไพรเวทอิควิตี้ 19A  ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย  (K-GPE19A-UI)  ผลตอบแทน  47.83%

2.กองทุนเปิด วรรณ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 3Y1  ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-COMPLEX3Y1) ผลตอบแทน 13.76%

3. กองทุนเปิด วรรณ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 3YA  ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-COMPLEX3YA) ผลตอบแทน 13.21%

4.กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไทย ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ ชนิดผู้ลงทุนพิเศษ  (PRINCIPAL TDIF-X) ผลตอบแทน 11.33%

5. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 8 (SPOT33S8)  ผลตอบแทน 6.61%

6.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 11 (SPOT33S11) ผลตอบแทน 6.50%

7. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 7 (SPOT33S7)  ผลตอบแทน 6.33%

8. กองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์  ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LS-UI)  ผลตอบแทน 6.31%

9. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 14 (SPOT33S14) ผลตอบแทน  5.85%

10. กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ (KT-ENERGY) ผลตอบแทน 5.22%


 

มอร์นิ่งสตาร์ ชี้เทรนด์ลงทุนปี 65

 “ต่างประเทศ- ESG” ยังมาแรง

"ชญานี จึงมานนท์"   นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การลงทุนต่างประเทศ” โดยเฉพาะ หุ้น ยังคงจะได้รับความนิยมของนักลงทุนอยู่มากแน่นอน ถึงแม้การลงทุนในประเทศจะดูมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

มองว่า เทรนด์การลงทุน ESG หรือการลงทุนอย่างยั่งยืนจะชัดเจนมากขึ้นไทย เนื่องจากในปีนี้มีความเคลื่อนไหวจากหลายภาคส่วนที่สนับสนุนให้เกิดการตื่นตัวต่อการลงทุนอย่างยั่งยืน

ตัวอย่างที่ชัดเจนในต่างประเทศคือประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมจากการประชุมCOP26ซึ่งมีผลต่อภาคธุรกิจในอนาคตรวมทั้งภาคการลงทุนด้วย

สำหรับประเทศไทยเองในปีนี้ได้มีบริษัทขนาดใหญ่แสดงแนวทางความยั่งยืนอย่างจริงจัง ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) อยู่ในระหว่างการออกเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับกับการออกผลิตภัณฑ์ในอนาคต

“หลังจากเม็ดเงินไหลเข้า “กองทุนต่างประเทศ” มากกว่า2แสนล้านบาทในปีนี้ แสดงถึงพอร์ตของนักลงทุนไทยที่จะมีสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศสูงขึ้น” 

แนะจัดพอร์ตยังต้องมี “บอนด์”

ช่วยลดความเสี่ยงหุ้นผันผวน

แต่อย่างไรก็ตาม "ชญาณี" แนะว่า นักลงทุนควรจัดพอร์ตการลงทุนให้มีระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง แนวโน้มดอกเบี้ยที่จะเป็นขาขึ้นจะส่งผลเชิงลบต่อราคา(valuation) ของตลาดซึ่งบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปรับตัวสูงในช่วงก่อนอาจได้รับผลกระทบได้ การลงทุนในตราสารหนี้แม้จะมีปัจจัยลบจากทิศทางดอกเบี้ย แต่ยังถือว่าเป็นส่วนสำคัญพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน

บลจ.เอ็มเอฟซี แนะโฟกัสลงทุนในหุ้น 

ขณะที่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์  ติดอันดับท็อป 10 ถึง 4 กองทุน ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมยืดหยุ่น เน้นการลงทุนในหุ้น  "ชาคริต พืชพันธ์"  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ. เอ็มเอฟซี กล่าวว่า  กองทุนซีรี่ย์ดังกล่าวให้ผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากมีการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งยังทำผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นบิ๊กแคป แต่การลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในปีนี้ ยังต้องเน้นคัดเลือกรายบริษัทที่ยังมีผลดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องได้  

ขณะที่ มุมมองการลงทุนในปี 2565  "หุ้น" ยังมีความน่าสนใจ  ดังนั้น ยังคงแนะนำการลงทุน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โฟกัส อิควิตี้ (M-FOCUS) มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือตลาดรองอื่นๆ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน ไม่เกิน 30 บริษัท

และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มิด สมอล แค็ป (M-MIDSMAL) เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตสูงในระยะปานกลางถึงระยะยาว 

บลจ.วรรณ เปิดโอกาสการลงทุนกับ "ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์"

ขณะเดียวกันด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่ยังมีต่อเนื่องในปีนี้ อีกหนึ่งกองทุนที่นโยบายการลงทุนไม่เหมือนใคร "กองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์"  นับว่า เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่น่าจับตาในปีนี้  

หากมองไปในระยะข้างหน้า ผู้จัดการกองทุน บลจ.วรรณ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนใน Life settlement คาดว่าอุปสงค์ในการลงทุน Life Settlement มีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในระดับสูงจากแนวโน้มความผันผวนที่เพิ่มขึ้นของตลาดทุน ซึ่ง Life Settlement ถือเป็น สินทรัพย์ทางเลือกที่มีความสัมพันธ์กับตลาดการเงินอื่นๆ ที่ค่อนข้างน้อย สามารถตอบโจทย์การกระจายความเสี่ยงได้ค่อนข้างดี

นอกจากนี้ สัดส่วนของผู้สูงอายุในอเมริกาที่ขาดการชำระเบี้ยประกันในปีต่อจนสัญญาขาดอายุและสิ้นสุดความคุ้มครอง (Policy lapse) ยังอยู่ในระดับสูงราว 90% ซึ่งช่วยสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของอุปทานในการขายกรมธรรม์ที่เพิ่มมากขึ้นในระยะข้างหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้กับกองทุนนี้ต่อไป

แม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ผ่านมา ตลาด Life settlement ในสหรัฐฯ ถูกกดดันจากอุปทานในการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับอุปสงค์การลงทุนที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Market transaction IRRs โดยเฉลี่ยในตลาดรองปรับตัวลดลงมาพอสมควร

โดยมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ (1) การระบาดของ Covid-19 ในสหรัฐฯ สร้างความท้าทายในการทำธุรกรรมในช่วงที่มีการจำกัดการเดินทาง และ (2) การระบาดที่รวดเร็วเพิ่มความลังเลแก่ผู้สูงอายุบางส่วนในการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในตลาดรองเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงหลักที่อาจเสียชีวิตจากการระบาดที่รุนแรง ด้วยความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน ทำให้อุปสงค์ในการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตเริ่มฟื้นตัวสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เป็นต้นมา

Life settlement เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มีอุปสงค์การลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเงินลงทุนเข้ามาในกองทุนหลัก BlackOak อย่างต่อเนื่อง โดย SL Investment ผู้จัดการกองทุนหลักยังคงเน้นให้ความสำคัญในการคัดเลือกกรมธรรม์ที่มีคุณภาพ (Selective buy) เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการขยายกองทุน  

ปัจจุบัน นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกลยุทธ์นี้ สามารถลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคล (Private fund) ของบลจ.วรรณ (ทั้งนี้ กองทุน ONE-LS-UI และ ONE-LS2-UI เป็น closed-endfund เปิดให้เข้าลงทุนได้ในช่วงของการ IPO เท่านั้น)