‘ไอเอ็นดี’ ลั่นปีนี้พลิกกำไร จ่อประมูลงานภาครัฐเพียบ

‘ไอเอ็นดี’ ลั่นปีนี้พลิกกำไร จ่อประมูลงานภาครัฐเพียบ

นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2526 ไม่เคยขาดทุน !สะท้อนผ่านผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2564 บมจ. อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป หรือ IND ผู้ประกอบการด้านการให้คำปรึกษาทางวิศวกรรม

พลิกขาดทุนสุทธิ 19.06 ล้านบาท“พรลภัส ณ ลำพูน” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ INDให้สัมภาษณ์พิเศษ “หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ” ว่าเป็น      ครั้งแรกที่บริษัทมีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิแม้ช่วงที่ผ่านมาเจอวิกฤติเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้งปี 2540 วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ (วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) เป็นต้น แต่ธุรกิจไม่เคยติดลบ... 

โดย ณ ปัจจุบันธุรกิจของIND แบ่งการให้บริการของบริษัทออกเป็น 3 ประเภท 1.งานออกแบบเบื้องต้น และออกแบบรายละเอียด (Conceptual Design & Detailed Design) 2.งานบริหารงานโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง (Project Management & Construction Supervision) และ 3.งานออกแบบพร้อมก่อสร้าง   (Design-Build)

ทว่า ครั้งนี้ “วิกฤติโควิด-19”เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และถือว่าธุรกิจได้รับผลกระทบหนักสุด หรือเรียกว่าอาจจะเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจแล้ว เนื่องจากทุกวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา ภาครัฐไม่เคยชะลอหรือหยุดงบการลงทุนโครงการขนาดใหญ่เฉกเช่นครั้งนี้ แต่ครั้งนี้รัฐบาลจำเป็นต้องนำเงินงบประมาณทั้งหมดไปใช้จ่ายใน     “จุดที่สำคัญที่สุดก่อน”ของประเทศก่อน

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ IND เป็นธุรกิจที่ดีมาก เนื่องจากการเติบโตสอดคล้องไปกับการลงทุนโครงสร้างขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) ของรัฐตลอด ดังนั้น ความเสี่ยงของธุรกิจจะมีไม่มากจะมีก็แค่ความล่าช้าของโครงการเท่านั้น และด้วยจุดเด่นบริษัทเป็นธุรกิจต้นน้ำ โดยที่ผ่านมาจะประเมินได้ว่าในแต่ละปีรัฐบาลจะมีแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ออกมามากน้อยระดับไหน

โดยในปี 2565 คาดว่ารัฐบาลจะถึง “โครงการระบบราง” ออกมาประมูลต่อเนื่อง หลังจากช่วงปี  2563-2564 ชะลอการลงทุนและดึงงบลงทุนไปช่วยระบบสาธารณสุขของประเทศก่อน อย่าง โครงการรถไฟฟ้าสาย สีม่วงใต้ , โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ,โครงการทางหลวงระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 

 เธอ บอกต่อว่า ปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2564 เนื่องจากประเมินประมาณงานที่จะออกมาประมูลในปีนี้จะอยู่ในระดับสูง หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (63-64) รัฐบาลชะลอการลงทุนออกไป ดังนั้น เชื่อว่าในปีนี้โครงการต่างๆ ที่ชะลอออกไปจะถูกดึงกลับมาลงทุนในปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับ แนวโน้มผลประกอบการปี 2564 ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะพลิกเป็นกำไรสุทธิได้หรือเปล่า แต่ทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2564 คาดว่าจะออกมาอยู่ในทิศทางบวก เมื่อเทียบกับทุกไตรมาสที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 2.24 พันล้านบาท ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาบริษัทเข้าร่วมประมูลโครงการออกแบบและก่อสร้างเพิ่มอีก 2-3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000      ล้านบาท

โดยที่ผ่านมาโครงการที่ IND เข้าร่วมประมูลมีโอกาสที่จะคว้างานมาได้ราว 80% ทั้งนี้จากการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทที่มีโอกาสในการเข้าร่วมประ มูลงานใหม่ๆ

โดยล่าสุด IND ได้รับงานโครงการออกแบบและก่อสร้างระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานสนามบิน       อู่ตะเภา ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา กับ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด โดยมีมูลค่าสัญญาประมาณ 2,118 ล้านบาทจึงทำให้เชื่อว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกได้จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 576.81 ล้านบาท

รวมทั้ง บริษัทได้รับการพิจารณาดำเนินโครงการจากสนามบินอู่ตะเภาสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจในศักยภาพของ IND ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น         โดยเฉพาะไตรมาส 4 เชื่อว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2564 อย่างไรก็ตามบริษัทมีความพร้อมในทุก ๆด้านที่จะรับงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพื่อต่อยอดให้ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

ท้ายสุด “พรลภัส” บอกไว้ว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของธุรกิจแล้ว หลังจากรัฐมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทำให้หน่วยเริ่มกลับมาทำงานได้บ้างแล้ว สะท้อนผ่านภาครัฐยังเร่งเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานออกมา ทำให้บริษัทมีโอกาสเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ มากขึ้นอีกด้วย