5 นักเศรษฐศาสตร์ หวั่น ‘โอมิครอน’ยืดเยื้อ กระทบ ‘จีดีพี’ ปี 65 ดิ่ง

5 นักเศรษฐศาสตร์ หวั่น ‘โอมิครอน’ยืดเยื้อ กระทบ ‘จีดีพี’ ปี 65 ดิ่ง

5 นักเศรษฐศาสตร์ส่องผลกระทบโอมิครอน “ซีไอเอ็มบี ไทย” หากยืดเยื้อเกินครึ่งปีจีดีพีเหลือโต 3% “กรุงไทย” ชี้ร้ายแรงสุดจีดีพีหาย 1% สูญ 1.5 แสนล้าน ขณะที่ “ทีทีบี” มั่นใจจีดีพีไม่ต่ำ 3% “เกียรตินาคินภัทร” หวั่นระบาดรุนแรงฉุดจีดีพีต่ำ 2% ฟาก “กรุงศรี” ยังยืนประมาณการที่ 3.7%

         นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า จากผลกระทบการแพร่ระบาดโคมิครอน ซีไอเอ็มบีไทย ยังไม่ปรับประมาณการจีดีพี จากเดิมที่คาดปี 2565 ขยายตัว 3.8% แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะต่ำกว่าคาดได้ จากผลกระทบทั้งภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ แต่คาดว่าไม่ถึงการขั้นล็อกดาวน์เหมือนอดีต

      แต่หากการระบาดรุนแรงขึ้น กระทบต่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศยาวนานถึงครึ่งปีแรกของปี 2565 รวมถึงกระทบต่อภาคการบริโภคในประเทศด้วย คาดว่า อาจเห็นจีดีพีไทยขยายตัวลดลงเหลือเพียง 3% เท่านั้น เพราะมองว่า เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงขับเคลื่อนจากส่งออกที่ดีอยู่แม้ ท่องเที่ยว บริโภคในประเทศจะลดลง

     อย่างไรก็ตาม กรณีร้ายแรงสุด หากการระบาดโอมิครอนรุนแรง กระทบส่งออก อุปทานหยุดชะงัก จากซัพพลายเชนดิสรัปชั่น การขาดแคลนวัตถุดิบ กรณีนี้คาดว่า จีดีพีไทยน่าจะขยายตัวต่ำกว่า 3% ได้

     “ตอนนี้เรายังมองว่า ไม่กระทบรุนแรง เพราะปกติการระบาดรอบสองที่ผ่านมา จะกินเวลาไม่เกิน 3 เดือน หลังจากนั้นเศรษฐกิจจะกลับมาเร่งตัวขึ้น ดังนั้นมองว่า จะไม่ระบาดรุนแรง จนทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ดังนั้น เรายังรอ  ไม่ปรับประมาณการ แต่ต้องติดตามว่าการระบาดจะขยายวงกว้างรุนแรงหรือไม่ แต่เชื่อว่ารอบ 4 ไม่ใช่รอบสุดท้าย เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ดังนั้นต้องปรับตัวเป็นประเด็นสำคัญ”

     อย่างไรก็ตาม มองว่า ด้านการดูแลเศรษฐกิจ นโยบายการเงินการคลัง ยังมีรูมพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการคลัง ที่ยังมีเงินกู้ 5 แสนล้านบาท รวมถึงงบกลาง เพื่อใช้เป็นช่องทางเยียวยาช่วงไตรมาสแรกได้ หรือหากต้องกู้เพิ่มก็ทำได้ ส่วนมาตรการการเงินสามารถทำซอฟท์โลนเพิ่มขึ้นได้

ร้ายแรงสุดกระทบจีดีพีหาย1%สูญ1.5แสนล.

       นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า  ปีหน้าคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวที่ 3.8% คาดว่า โอมิครอนกระทบแค่ช่วงสั้นไตรมาสแรกเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติครึ่งปีแรกน้อยอยู่แล้ว ทำให้กระทบไม่มาก

      แต่อย่างไรก็ตามซีนาริโอถัดไป หากความรุนแรงเพิ่มขึ้น 3 เดือน กรณีนี้คาดว่าจีดีพีจะลดลง 1%หรือ 1.5 แสนล้านบาท ทำให้ภาครัฐต้องออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ 9 หมื่นล้านบาท เหมือนกรณี ม.33 ม.39 หรือคิดเป็นการใส่เงินราว 60% ของผลกระทบรายได้ที่จะหายไป ดังนั้นคาดว่าจีดีพีจะหายไปแค่ 0.4% ทำให้คาดว่าจีดีพีไทยขยายตัวเหลือ 3.4%

     “กรณีร้ายแรงที่สุด มองการบริโภค การใช้จ่ายจะหายไปกว่า 1 แสนล้านบาท ที่กระทบจากโอมิครอน ทำให้ภาครัฐต้องกลับมาใช้มาตรการเยียวยาอีกรอบ หรือใส่เงินเข้ามาราว 9หมื่นล้านบาท ส่วนนี้จะมีส่วนช่วยให้จีดีพีหายไป 0.4% เหลือ 3.4% แต่หากไม่มี จีดีพีหายแน่ 1% กรณีนี้เรามองว่าโอมิครอนจะกินเวลายาวกว่าเดลตา ทำให้กระทบต่อช่วงสงกรานต์และตรุษจีน ทำให้รายได้หายไปค่อนข้างมาก”

หวั่นเศรษฐกิจโตต่ำ2% 

     นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ  KKP กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าโอมิคอน เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อประมาณการเศรษฐกิจไทย หรือ downside risk to forecast จากเดิมที่คาดปีหน้าจีดีพีขยายตัว 3.9% ภายใต้นักท่องเที่ยว 5.8 ล้านคน

     ซึ่งหากกระทบรุนแรงมากขึ้น แพร่กระจายได้เร็ว แต่ไม่รุนแรง อาจทำให้เศรษฐกิจไทยลดลงจากประมาณการเดิมได้เล็กน้อย ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมิน

     กรณีเลวร้าย (worst-case) หากโอมิครอนกระจายเร็ว ทำให้คนไม่กล้าใช้จ่าย แม้ไม่ปิดเมือง แต่การใช้จ่ายชะลอ ท่องเที่ยวยังไม่สามารถกลับมาได้ กรณีนี้ คาดจีดีพีอาจกลับไปโตต่ำกว่า 2% ได้

     “เรามองว่ากรณีดีที่สุดเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.9% หากโอมิครอนไม่รุนแรง จบได้เร็ว คนกลับมาเดินทางได้ นักท่องเที่ยวทำได้ 5.8 ล้านคน โอกาสจีดีพีจะโต 3.9% ยังมีอยู่ แต่หากการระบาดขยายวงกว้าง นักท่องเที่ยวไม่กลับมากรณีนี้ เศรษฐกิจไทยอาจต่ำกว่า 2% ได้”

ttb คาดเศรษฐกิจไทยโตเหนือ3%

    นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) กล่าวว่า ประมาณการ ttb ยังคาดเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.9% แต่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงมากขึ้นจากโอมิครอน อาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลงสู่ 3.5-3.8% ได้ ภายใต้การไม่มีล็อกดาวน์

     แต่worst-case  หากต้องมีการล็อกดาวน์อีกรอบ อาจทำให้เศรษฐกิจไทยลดลงมาก แต่จะไม่ต่ำกว่า 3% เนื่องจากมองว่าจุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้ว และทุกครั้งที่มีการล็อกดาวน์เศรษฐกิจปรับตัวขึ้นมาก ดูจากไตรมาส3ที่ผ่านมา การบริโภคเอกชนหดเพียง 3% ไม่ได้หดไปถึงระดับ 10% เหมือนช่วงแรกที่เกิดโควิด-19

     แต่การกลับมาขยายตัวที่ระดับ 3% ก็ถือว่าไม่ใช่ระดับที่ดี เพราะหากเทียบเศรษฐกิจก่อนโควิด-19 โต 100% ปี 2563 เศรษฐกิจลดลง 6% เหลือ 94% หากปี 2564 เติบโต 1% เศรษฐกิจจะขึ้นมาเหลือ 95%ดังนั้นหากปีหน้ากลับไปเติบโต 3% เศรษฐกิจก็จะกลับไปสู่ระดับ 98% ซึ่งยังไม่ฟื้นตัวเหมือนกับก่อนโควิด

      แม้จะยังไม่กลับมา 100% แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 มีโอกาสกลับไปต่ำที่ 95-98% ค่อนข้างยาก เพราะเศรษฐกิจ ธุรกิจมีการปรับตัวมากขึ้น การบริโภคฟื้นตัวดีขึ้น และหากเราสามารถรักษาโมเมนตัมการบริโภคในประเทศให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการสนับสนุนไทยเที่ยวไทย เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจเดินต่อได้ เพราะมาตรการไทยเที่ยวไทย ถือเป็นมาตรการที่สร้างรายได้สูงถึง 6-7หมื่นล้านบาทต่อเดือน ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ต่อเนื่อง

คงจีดีพีปี65โต 3.7% เชื่อโอมิครอนไม่รุนแรง

    นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย และหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  จำกัด (มหาชน)หรือ  BAYกล่าวว่า ยังคาดการณ์จีดีพีปี 2565 ยังเติบโตที่ 3.7% เพราะผลกระทบจากโอมิครอน หรือการระบาดใหม่ การกลายพันธ์ุโควิด กรุงศรีฯได้ใส่ความเสี่ยงเหล่านี้เข้าไปอยู่ในประมาณการณ์อยู่แล้ว ภายใต้การคาดการณ์นักท่องเที่ยวที่ 7 ล้านคน

     “เรายังเชื่อว่าโอมิครอนกระทบไม่มาก เพราะวันนี้ภาครัฐ และต่างประเทศต่างๆมีการออกมาได้เร็ว ในการป้องกันการแพร่ระบาด อีกทั้งการส่งออกยังเป็นตัวหนุนเศรษฐกิจ แต่หากโอมิครอนกระทบกว่าคาด ตัวเลขอาจต่ำกว่าคาดการณ์ได้ หากต้องล็อกดาวน์ในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรง กระทบส่งออก แต่เรามองว่าน้ำหนักความเป็นไปได้สิ่งเหล่านี้ยังไม่มาก”