นักเทรดคริปโทฯ มีกี่ประเภท แบบไหนเป็นอย่างไร สายไหนเหมาะกับคุณ?

นักเทรดคริปโทฯ มีกี่ประเภท แบบไหนเป็นอย่างไร สายไหนเหมาะกับคุณ?

ส่องโลกการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ที่กำลังร้อนแรง ตามไปดูกันว่า นักเทรดมีกี่ประเภท เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย เพื่อค้นหาว่า เทรดแบบไหน ที่ใช่คุณ?

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเทรดคริปโทเคอร์เรนซี อาจจะสงสัยว่านักเทรดเก่ง ๆ เค้ามีการบริหารเวลาหรือมีรูปแบบการเทรดอย่างไรบ้าง

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่านักเทรดที่พบเห็นได้บ่อย ๆ มีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับคนแบบไหน และหวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้จากบทความนี้ไปใช้และสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่ดียิ่งขึ้นได้

นักเทรดสาย Day Trading 

1. Day Trading 

นักเทรดสาย Day Trading จะมีการซื้อและขายทำกำไรเสร็จภายในวันเดียว โดยอาจจะเข้าซื้อและถือเป็นหลักนาทีหรือชั่วโมง แต่จะไม่ถือข้ามวัน

บางครั้งนักเทรดประเภทนี้จะรอขายทำกำไรในช่วงที่ตลาดคึกคักที่สุด สำหรับประเทศไทยก็คือช่วงตี 2 - 3 เนื่องจากเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะฝั่งอเมริกาและยุโรป มีการซื้อขายหนาแน่น

สาย Day Trading เหมาะกับผู้ที่พอมีเวลาว่างให้กับการเทรดอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงต่อวัน สามารถวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้

นักเทรดสาย Buy & HODL

2. Buy & HODL

ในวงการคริปโทเคอร์เรนซี มีคำว่า HODL ที่ย่อมาจากคำว่า “Hold on for Dear Life” ซึ่งหมายถึงให้ “ถือไว้ อย่าปล่อยให้หลุดมือ” ในที่นี้ก็คือการเข้าซื้อเหรียญแล้วถือไว้นาน ๆ อาจเป็นเดือนหรือเป็นปี โดยเชื่อมั่นว่ามูลค่าของเหรียญจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เมื่อวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยทางเทคนิคแล้ว

สาย Buy & HODL เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่มีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีเบื้องหลังหรือโอกาสเติบโตของเหรียญ โดยศึกษาข้อมูลมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และสามารถยอมรับความผันผวนของราคาได้ในระดับสูง

นักเทรดสาย DCA (Dollar Cost Averaging)

3. DCA (Dollar Cost Averaging)

DCA เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก ค่อนข้างคล้ายกับนักลงทุนสาย Buy & HODL

DCA คือการที่นักลงทุนจะเข้าซื้อเหรียญด้วยเงินเท่า ๆ กันทุกเดือน โดยไม่สนราคาเหรียญ ณ ขณะนั้นมากนัก เช่น เมื่อเงินเดือนออกทุกสิ้นเดือน นักลงทุนอาจหักเงินเดือน 10% เพื่อซื้อเหรียญสะสมไปเรื่อย ๆ จึงเปรียบได้กับการออมเงินรูปแบบหนึ่ง โดยมีโอกาสที่มูลค่าของเหรียญที่สะสมจะเติบโตขึ้นในอนาคตเช่นกัน

สาย DCA เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ต้องการออมเงิน และสามารถยอมรับความผันผวนของราคาได้ในระดับสูง

นักเทรดสาย TA (Technical Analysis)

4. TA (Technical Analysis)

นักลงทุนสาย Technical Analysis เรียกได้ว่า มีความรู้ความเข้าใจในเชิงเทคนิคระดับเทพ โดยสามารถวิเคราะห์ทิศทางราคาในอนาคตได้ โดยดูจากข้อมูลหรือรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หรือใช้เครื่องมือต่าง ๆ อาทิ เส้นแนวรับ-แนวต้าน เส้นเทรนด์ MACD RSI หรือเครื่องมืออื่น ๆ มาประกอบการวิเคราะห์ และสร้างกลยุทธ์ซื้อขายที่เหมาะสมได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

สาย TA เหมาะกับผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยเทคนิค การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่าง ๆ และมีประสบการณ์ในการเทรดระดับหนึ่ง

นักเทรดสาย VI (Value Investor)

5. VI (Value Investor)

นักลงทุนสายนี้คือผู้ที่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเหรียญที่สนใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถมองมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญออก โดยพิจารณาจากปัจจัยอย่างเทคโนโลยีที่ใช้ ปัญหาเข้ามาแก้ไข มูลค่าการซื้อขาย ปริมาณเหรียญ จำนวนเหรียญ ฯลฯ เพื่อที่จะวิเคราะห์ได้ว่ามูลค่าของเหรียญ ณ ปัจจุบัน ต่ำหรือสูงเกินไป จากนั้นจึงสร้างกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม

สาย VI เหมาะกับผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน และมีประสบการณ์ในตลาดในระดับสูง

นักเทรดสาย Farmer

6. Farmer

นักลงทุนสายนี้ คือผู้ที่สร้าง Passive Income ผ่านการซื้อเหรียญและนำไปฝากไว้กับ DeFi อย่าง Uniswap, AAVE, หรือ Alpha Finance เพื่อให้แพลตฟอร์ม DeFi เหล่านี้นำเหรียญไปให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการใช้ ส่วนผู้ฝากก็แค่รอรับผลตอบแทนในรูปแบบของค่าธรรมเนียม ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน และ Smart Contract

สาย Farmer เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา และมีความรู้ความเข้าใจใน Blockchain, Smart Contract, DeFi, Wallet และ Private Key ในระดับหนึ่ง

นักเทรดสาย Arbitrage

7. Arbitrage

นักเทรดสายนี้เรื่องความว่องไวต้องยืนหนึ่ง เพราะเป็นการเทรดข้ามกระดาน โดยอาจซื้อเหรียญจากกระดานอื่นและโอนเข้ามาขายที่ Bitkub เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาเหรียญก็ได้เช่นกัน แต่ต้องระวังเรื่องของค่าธรรมเนียมและระยะเวลาในการโอน

สาย Arbitrage เหมาะกับผู้ที่พอมีเวลาว่างให้กับการเทรดอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงต่อวันโดยเฉพาะช่วงที่ตลาดคึกคักที่สุด มีความเข้าใจการทำงานของ Wallet และค่าธรรมเนียมในการโอนเหรียญ

นักเทรดสาย Algo Trader

8. Algo Trader

หรือชื่อเต็ม Algorithmic Trader ก็คือนักเทรดที่ใช้โปรแกรมหรือโรบอทช่วยเทรดแบบอัตโนมัติ โดยอาจเขียนคำสั่งให้โปรแกรมเข้าซื้อหรือขายตามสัญญาณต่าง ๆ เช่น ให้ซื้อหรือขายเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) วิ่งตัดกัน หรือ ซื้อขายเมื่อ RSI วิ่งไปถึงจุดใดจุดหนึ่ง เป็นต้น

สาย Algo Trader เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่ต้องมีความรู้ความเข้าใจด้านการเขียนโปรแกรมและวิธีวิเคราะห์ราคาทางเทคนิคในระดับหนึ่ง

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของประเภทนักเทรดที่มีให้เห็นกันบ่อย ๆ ในโลกของการลงทุน ซึ่งนักลงทุนอาจนำไปประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์การเทรดของตัวเอง หรือจะเอามาผสมกันเป็นสไตล์ของตัวเองก็ได้ เช่น DCA ในเหรียญหนึ่ง และทำ Day Trading กับอีกเหรียญหนึ่ง หรือจะทำ DCA และเป็น Farmer ไปด้วยก็ได้เช่นกัน

*การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุน*

อ้างอิง The Balance , Investopedia, Capital Index