สำนักงานสลากชงบอร์ดเคาะขายสลากใบผ่านออนไลน์แก้ปัญหาราคาแพง

สำนักงานสลากชงบอร์ดเคาะขายสลากใบผ่านออนไลน์แก้ปัญหาราคาแพง

สลากฯชงบอร์ดเคาะแก้หวยแพง โดยระยะสั้นจะเพิ่มการขายสลากใบผ่านระบบออนไลน์​ ส่วนระยะยาวจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้ราคาขายที่ 80​ บาทต่อใบเพิ่มขึ้น​ ยันไม่พิมพ์สลากเพิ่ม

นายธนวรรธน์  พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการ(บอร์ด)สลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดเผยว่า​ ที่ประชุมบอร์ดสลากในวันที่​ 23​ ธ.ค.นี้​ จะมีการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา​ โดยจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น​และระยาว​ โดย​จะทำให้จำนวนสลากที่ขายในราคา​ 80​ บาทมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น​ 

เขายอมรับว่า​ ที่ผ่านมา​ ราคาสลากแพงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ​สลากฯเองไม่สามารถคุมราคาขายปลีกได้​ เพราะไม่สามารถคุมผู้ขายได้​ ซึ่งเป็นผลมาจากมีผู้ขายออนไลน์ ที่ไม่มีหวยเป็นของตัวเอง แต่ไปกว้านซื้อจากผู้ได้รับสิทธิ์หรือได้รับโควตา โดยให้ราคาสูงกว่าราคา 80 บาท แล้วนำมาขายผ่านระบบแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเพียง 1 ปี ถือครองสัดส่วน 5-10% ของจำนวนล็อตเตอรี่ 100 ล้านใบ

ขณะเดียวกัน​ ผู้ค้าล็อตเตอรี่ในตลาดเพิ่มขึ้นจำนวนมากจาก 2  แสนราย ในปี​ 2558​ เป็น 4  แสนรายในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนตกงาน หันมารับซื้อล็อตเตอรี่เพื่อมาขายต่อ​ ทำให้สลากไม่เพียงพอกับผู้ซื้อส่งผลต้นทุนสลากต่อใบเพิ่มขึ้น​ ขณะที่​ จำนวนล็อตเตอรี่ที่มี 100 ล้านฉบับนั้น ถือว่า​ เพียงพอต่อความต้องการของคนซื้อ แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนขาย จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาขายล็อตเตอรี่แพง โดยต้นทุนการรับซื้อช่วง สูงถึง 92 บาทต่อใบ ขณะที่​ ราคาต้นทุนอยู่ที่ 70.40 บาทต่อใบ  

"ผลการประชุมบอร์ดในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะส่งผลกระทบต่อตลาดออนไลน์ ที่เรียกเราว่าตลาดดอทคอมแน่นอน และจะทำให้ตลาดนี้ต้องขายในราคา 80 บาท” 

ทั้งนี้​ แนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นจะดำเนินการ 2 ระบบ คือ สลากจะขายผ่านระบบใบเหมือนเดิม​ แต่จะเพิ่มเติมการขายผ่านระบบดิจิทัลเข้าไปด้วย โดยระบบดิจิทัลนั้น ทางสำนักงานสลากฯ จะเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นของตนเอง ซึ่งสำนักงานสลากฯจะพิจารณาสัดส่วนการจำหน่ายแบบใบและแบบดิจิทัล ให้มีความเหมาะสม

"ต้องยอมรับว่า​ ช่องทางออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และขอยืนยันว่า​ ผู้ค้าในระบบเดิมจะไม่ได้รับผลกระทบ" 

ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น ทางสลากฯจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่าน  4 แนวทาง ได้แก่ 1.ล็อตเตอรี่ใบแบบเดิม แต่จะนำมาขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 2.ล็อตโต 3.สลากรูปภาพ 4.สลากเลข 2 ตัว 3 ตัว แต่การแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางดังกล่าวต้องใช้เวลา เนื่องจาก​ ต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมายไม่น้อยกว่า 6 เดือน หลังจากนั้น​ ต้องเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติจึงจะดำเนินการได้ 

"แนวทางการขายสลากออนไลน์ในระยะสั้น ที่จะขายสลากออนไลน์ควบคู่กับสลากใบนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ไม่เบ็ดเสร็จในเรื่องสลากเกินราคา โดยเฉพาะเลขดัง เพราะยังซื้อสลากไปขายเกินราคาได้เหมือนเดิม แต่ถ้าสำนักงานสลากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 100% เลขสวยเลขดังอาจจะซื้อไม่ได้อั้น แต่ทั้งนี้แนวทางทั้งหมดจะต้องรอคณะกรรมการสำนักงานกินแบ่งรัฐบาลพิจารณาในวันที่ 23 ธ.ค.2564"

เขากล่าวด้วยว่า​ สำหรับแนวทางการออกล็อตเตอรี่ระบบดิจิทัลนั้น ประเทศไทย เป็น​ 1  ใน 10 ประเทศทั่วโลก ที่มีขายสลากแบบใบ ถือว่า​ ล้าหลังกว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน  เพราะมีขายสลากแบบดิจิทัลมาเป็นเวลา 30 ปี รวมถึงลาว และเวียดนาม ก็ได้เริ่มขายสลากแบบดิจิทัลแล้ว ขณะที่หลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สเปน ขายทั้งระบบแบบใบ และดิจิทัล ควบคู่กัน ซึ่งสัดส่วนจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความนิยมของแต่ละประเทศ 

“การแก้ไขปัญหาหวยแพง ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จะเป็นการปฎิรูปครั้งใหญ่ของสำนักงานสลากฯ และกลไกทางธุรกิจ จะทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายปรับตัวได้ อย่างไรก็ดีแม้จะเพิ่มแนวทางการขายเป็นแบบดิจิทัล ก็จะไม่เพิ่มจำนวนสลาก  และยืนยันว่า​ จะไม่ปรับราคาขายปลีก โดยยังคงขายในราคา 80 บาทต่อใบ ขณะที่​ โครงสร้างการเงินยังคงเดิม แบ่งเป็นเงินรางวัล 60% นำส่งรายได้รัฐ 23% เป็นส่วนลดให้ผู้ค้า 12% และนำส่งเข้ากองทุนต่างๆ อีก 5%”