อาจผันผวนจากโอมิครอนและการปรับพอร์ตรับดอกเบี้ยขาขึ้น

อาจผันผวนจากโอมิครอนและการปรับพอร์ตรับดอกเบี้ยขาขึ้น

การระบาดสายพันธ์ใหม่อาจกลับมาสร้างความกังวลต่อภาพการลงทุนอีกครั้ง บรรยากาศลงทุนโดยรวมที่ควรจะได้รับอานิสงค์จากความชัดเจนของการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจถูกบดบังจากความกังวลการระบาดของโควิดสายพันธ์โอมิครอนที่เริ่มแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

ส่งผลให้ประเทศในยุโรป เริ่มทยอยกลับมาประกาศมาตรการล็อคดาวน์ และบังคับใช้วัคซีนพาสปอร์ต สำหรับการเข้าใช้บริการร้านค้า หรือสถานที่บางประเภท แม้ความรุนแรงจากการติดเชื้อมีแนวโน้มต่ำ แต่การแพร่ระบาดที่รวดเร็ว สร้างความกังวลที่การระบาดอาจมีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สำหรับสถานการณ์ในไทย ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนที่กลับมาจากการแสวงบุญที่ซาอุดิอาระเบียอีก 7 ราย ที่ยังอยู่ในกระบวนการกักตัว (Quarantine) อย่างไรก็ตามภาพรวมการระบาดระลอกใหม่ อาจสร้างแรงกดดันต่อหุ้นไทยในระยะสั้นเช่นกัน

ติดตามมาตรการส่งเสริมการใช้ยารยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะมีผล 1 ม.ค.65

โดยคาด ครม.จะพิจารณาข้อเสนอของบอร์ดอีวี ที่จะเป็นมาตรการระยะยาว 4-5 ปี ผ่านมาตรการด้านภาษีสรรพสามิต และเงินอุดหนุน 40,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนยานยนต์ไฟฟ้า 300,000 คัน ใน 5 ปี ทั้งนี้ความต่างจากมาตรการรถคันแรก (ที่ให้สิทธิประโยชน์กับผู้ซื้อ) คือ การให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการ เพื่อทำให้ราคาขายปรับลดลงราว 5-8 แสนบาท/คัน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกกับผลประกอบการของ NEX, EA 

ธีมการลงทุนระยะสั้น

1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH

2) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL, MAKRO

3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT

4) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW

5) ทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW

6) กลุ่มได้ประโยชน์จากโควิด BCH, CHG, STA, STGT, SMD, WINMED อาจฟื้นช่วงสั้น แต่เราคงมุมมองระวังจากกำไรที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยชอบ RAM จากการที่ราคา mis-pricing สินทรัพย์และความสามารถในการทำกำไร

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังเลือกเก็งกำไรได้ในกรอบการแกว่งตัว 1,620-1,650 ขณะที่ระยะสั้นอาจผันผวนจาก โอมิครอนและการปรับพอร์ตรับวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในปีหน้า

หุ้นแนะนำ: ONEE*, FSMART*, TKN*, IND*

แนวรับ: 1,625 / แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

ประเด็นการลงทุน

ไฟเซอร์เปิดเผยข้อมูลโควิด - ไฟเซอร์เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า ขณะที่ประเทศต่างๆ ในยุโรปได้เพิ่มมาตรการจำกัดด้านการเดินทางและการเว้นระยะห่างทางสังคม

ลุ้นพับแผนกู้เงินหนุนแอลพีจี – พลังงานพับแผนเงินกู้หนุนแอลพีจี หวั่นผิดกฎหมาย พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท จับตา กบง.เคาะดึงเงินกองทุนน้ำมันฯ ช่วย หรือปล่อยให้ราคาก๊าซหุงต้มขยับขึ้นเป็นขั้นบันได

นโยบายเก็บภาษีขายหุ้น – ตลท.น้อมรับนโยบายเก็บภาษีขายหุ้น วอนคลังเก็บอัตรา-จำนวนธุรกรรม เหมาะสมหวั่นกระทบต้นทุนนักลงทุน และแจ้งล่วงหน้า

กรมทางหลวงกางแผนปีหน้า 8.3 หมื่นล้าน – กรมทางหลวง โชว์แผนปี 65 ลงทุนมอเตอร์เวย์ 2 สาย มูลค่ารวมกว่า 8.3 หมื่นลบ. คาดประกาศเชิญชวน PPP ได้กลางปี 65

ลุ้นคลังชงขยายเฟส 4 ต่อ  - คลังเผยโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 บูม ณ วันที่ 16 ธ.ค. ยอดใช้จ่ายทะลุ 2 แสนล้าน ก่อนหมดอายุโครงการสิ้นเดือนนี้ ด้านโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ใช้จ่ายพลาดเป้าแค่ 3,789 ลบ. พร้อมลุ้นคลังขยายคนละครึ่งเฟส 4 และฟื้นช้อปดีมีคืน

หุ้นเข้า SET50/SET100 - รอบครึ่งปีแรก 2565 ได้แก่ SET50 (+) เข้า : AWC, BANPU และ TIDLOR (-) ออก : BJC, DELTA และ STA // SET100 (+) เข้า : AWC, BLA, BPP, EPG, KEX, RCL, SIRI, STARK, TIDLOR และ TTA (-) ออก : DELTA, BJC, PSL, JAS, PTL, PRM, ICHI, AAV, NRF และ TKN
Opportunity day –20 ธ.ค. – DMT, JAK, NDR, BYD, KTIS, SC / 21 ธ.ค. – SIS, TSTE, NNCL, PACO, TRC, WP, UBIS

 

ประเด็นติดตาม: - 22 ธ.ค. – ประชุม กนง., US GDP 3Q21

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)