ECL “Counter Attack” เปลี่ยนเกมส์รับเป็น "รุก"

ECL “Counter Attack” เปลี่ยนเกมส์รับเป็น "รุก"

ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ปี 2563 - 64 ที่ผ่านมา ECL ทำการตัดหนี้เสีย และปรับปรุงระบบการคัดกรองสินเชื่อใหม่ ชะลอการปล่อยสินเชื่อเชิงรุก (จากเดิมก่อนวิกฤตโควิด-19 มีการปล่อยสินเชื่อเดือนละ +/-300 ล้านบาท เหลือเดือนละ +/-100 ล้านบาท)

จนทำให้การตั้งสำรองฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง และพอร์ตสินเชื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากระบบคัดกรองใหม่ ทำให้ได้สินเชื่อที่มีคุณภาพดีขึ้น นอกจากนี้จากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด เราประเมิน ECL พร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นกลับมาทำธุรกิจสินเชื่อเชิงรุกอีกครั้งในปี 2565 โดย i) รุกปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (เน้นฐานลูกค้าเก่าที่ผ่อนครบ) ii) รุกปล่อยสินเชื่อรถอีวี (คาดเน้นรถจักรยานยนต์และรถเพื่อการพาณิชย์) iii) ธุรกิจสินเชื่อรถมือสองคาดจะเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะลูกค้าที่ประกอบธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยว (คิดเป็นราว 20-25% ของพอร์ตสินเชื่อเดิม)

 

เริ่มสินเชื่อรถแลกเงิน เน้นฐานลูกค้าเก่า เพิ่ม Yield

ปัจจุบัน ECL อยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาติประกอบธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (รถแลกเงิน) โดยได้รับการสนับสนุน Know-how จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ (Premium Financial Services / บ.จดทะเบียนที่ญี่ปุ่น) คาดว่าจะสามารถเริ่มประกอบธุรกิจได้ทันที ที่ได้รับใบอนุญาตฯ (เราสมมมติฐานเริ่มใน 1Q65) โดยคาดทาง ECL จะมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอสินเชื่อรถแลกเงินให้กับลูกค้าที่ผ่อนชำระค่างวดรถยนต์กับทาง ECL ครบถ้วนแล้ว ซึ่งข้อดีคือ i) ไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่ม เพราะมุ่งเน้นฐานลูกค้าปัจจุบัน ii) ความเสี่ยงต่ำ เพราะคัดกรองจากลูกหนี้ที่มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี อย่างไรก็ดีการเริ่มต้นธุรกิจนี้ ช้ากว่าที่คาดไว้เดิมเล็กน้อย (เดิมคาด 4Q64) แต่คาดไม่กระทบต่อประมาณการฯปี 2565 อย่างมีนัยสำคัญ เรากำหนดสมมติฐานยอดการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในปี 2565 ไว้ที่ 100 ล้านบาทและเพิ่มเป็น 380 ล้านบาทในปี 2566 / สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 17% ต่อปี

 

 

 

ก้าวเข้าสู่สินเชื่อรถใหม่ "รถอีวี" ตลาดใหม่ที่กำลังเติบโต

ECL เตรียมปล่อยสินเชื่อรถอีวี (คาดเน้นจักรยานยนต์และรถเพื่อการพาณิชย์) คาดเริ่มในโซนภาคตะวันออก ใน 1Q65 และคาดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 7% ต่อปี โดยจะเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อรถมือหนึ่ง แม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อรถมือสอง แต่เราประเมินว่าสุทธิแล้วยังเป็นบวกต่อ ECL ในด้านความเสี่ยงที่ต่ำกว่าและเป็นตลาดฯที่กำลังเติบโต ทั้งนี้เรากำหนดสมมติฐานสินเชื่อใหม่จากรถอีวีในปี 2565 และ 2566 ไว้ที่ 200 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท ตามลำดับ

 

พอร์ตสินเชื่อ ก้าวเข้าสู่ช่วงเติบโตอีกครั้ง ด้วยสินทรัพย์ที่คุณภาพดีกว่าเดิม

นอกเหนือจากการปล่อยสินเชื่อธุรกิจใหม่ๆข้างต้น เราประเมินการปล่อยสินเชื่อรถมือสองที่เป็นธุรกิจหลักของ ECL จะกลับมาเข้าสู่ช่วงของการเติบโตอีกครั้งในปี 2565 หลังจากที่ (ตั้งใจ) ชะลอการปล่อยสินเชื่อในช่วงวิกฤตโควิด-19 ไป โดยคาดสินเชื่อใหม่ในปี 2565 เฉพาะส่วนของรถมือสองจะอยู่ที่ราว 1.65 พันล้านบาท (+10% YoY) และเพิ่มเป็น 1.95 พันล้านบาทในปี 2566 (+18% YoY) เมื่อรวมกับการปล่อยสินเชื่อธุรกิจใหม่ คาดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวมในปี 2565 - 66 จะเติบโต +30% YoY และ +40% YoY ตามลำดับ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเท่ากับ 3.50 บาท/หุ้น

 

 

 

 

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเท่ากับ 3.50 บาท/หุ้น

เนื่องจากเราคาด ECL จะกลับเข้าสู่โหมดของการเติบโตอีกครั้ง โดยคาดกำไรปี 2564 จะทำจุดสูงสุดใหม่ของบริษัทฯที่ 144.5 ล้านบาท และจะเติบโตเฉลี่ย 18% CAGR (2564 - 67) ขณะที่คาด ROE จะทยอยปรับขึ้นทุกปี จากจุดต่ำสุดเพียง 3.5% ในปี 2563 ไปสู่ระดับ 10.9% ในปี 2567 ซึ่งจะเป็นผลจาก Snow ball effect ที่เกิดขึ้นจากการเร่งพอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพและ Yield ที่สูงขึ้นในปี 2565 - 66 นี้ เราจึงประเมินว่าเป้าหมาย PBV ควรที่จะพรีเมี่ยมกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เราจึงปรับเป้าหมาย PBV ขึ้นเป็น 2.0 เท่า (+1.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ยในอดีต) จากเดิม 1.5 เท่า ได้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 3.50 บาท (เดิม 2.6 บาท)