CHG - กลับคืนสู่สามัญ (วันที่ 16 ธันวาคม 2564)

CHG - กลับคืนสู่สามัญ (วันที่ 16 ธันวาคม 2564)

จำนวนผู้ติดเชื้อและการตรวจโควิดที่ลดลงจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับราคา RT-PCT ลงของสปสช. เราคาดว่ารายได้โควิดจะสูงสุดใน 3Q และมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ 4Q

เราจึงปรับคาดการณ์กำไรปี FY21F ขึ้น 174% เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 3Q ที่ดีกว่าคาด และปรับคาดการณ์ปี FY23F ลง 8% เราคงคาดการณ์ปี FY22F (กำไรลด 59% yoy) เราปรับราคาเป้าหมายลง 13% เป็น 3.9 บาท และปรับคำแนะนำลงเป็น ถือ   

 

จำนวนผู้ป่วยโควิดลดลงอย่างมากใน 4Q

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงเป็น 3,618 วันที่ 8 ธ.ค. และน้อยกว่าจำนวนผู้หายป่วย 2,157 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื่อใหม่รายวันลดลงเป็น 4,564 รายในธ.ค. จากระดับสูงสุดที่ 20,071 รายในส.ค. สอดคล้องกับอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มเป็น 68% ของประชากร จำนวนการตรวจ RT-PCR ได้ลดลงเป็น 45,054 รายต่อวัน ในช่วง 1 ต.ค. -4 ธ.ค. (จาก 66,036 ครั้งใน 2Q) และราคาลดลงเป็น 1,500 บาทต่อครั้งตั้งแต่ 17 พ.ย. จากเดิม 1,700 บาทต่อครั้ง ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโควิดรักษาในรพ.และรายได้เกี่ยวกับโควิดลดลงตั้งแต่ 4Q

 

 

 

จับตาดูผลการศึกษา Omicron

บทวิจัยของศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี และ Dr. John Campbell อาจารย์แพทย์ของ The Royal College of General Practitioners บ่งชี้ว่า omicron สามารถติดเชื้อได้ง่ายแต่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย (อ่อนเพลีย, ปวดหัว, ปวดเมื่อยร่างกาย, คอแห้ง, และไอแห้ง) ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อจะสร้างภูมิคุ้มกันและมีอาการป่วยน้อยกว่า Delta ซึ่งหมายความว่าโควิดอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่นในอนาคตอันใกล้นี้ เรารอผลการศึกษา ซึ่งจะประกาศเร็วๆ นี้

 

ปรับคำแนะนำเป็นถือ (จากซื้อ), กำไรที่แข็งแกร่งใน FY21F อยู่ในราคาแล้ว

กำไร 9M ของ CHG แข็งแกร่งกว่าที่คาด เราจึงปรับคาดการณ์กำไรปี FY21F ขึ้น 174% เป็น 3.2 พันลบ. แต่ปรับคาดการณ์กำไรปี FY23F ลง 8% เป็น 1.3 พันลบ. สะท้อนกำไรลดลง 59% ในปีหน้าสอดคล้องไปกับรายได้เกี่ยวกับโควิดที่ลดลง แต่คงคาดการณ์ปี FY22F ไว้ (ทรงตัว yoy) เราปรับ DCF ลง 13% เป็น 3.9 บาทต่อหุ้น ณ ราคาปิดล่าสุด ผลตอบแทนรวม 11%