เฟดลด QE ตามคาด (ประจำวันที่ 16 ธันวาคม 2564)

เฟดลด QE ตามคาด (ประจำวันที่ 16 ธันวาคม 2564)

วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ประมาณ -5 ถึง -6 จุด นักลงทุนติดตามผลการประชุม FED ในวันที่ 14-15 ธค. ที่จะรายงานในช่วงเช้า วันที่ 16 ธ.ค. ตามเวลาไทย

ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน เป็นการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,623.66 จุด -6.98 จุด -0.43% มูลค่าการซื้อขาย 63,107 ลบ. ต่างชาติ -1,148.19 ลบ. TFEX -3,181 สัญญา ตราสารหนี้ +4,242.32 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 383.25 จุด +1.08% หลังที่ FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และประกาศเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE อีก 2 เท่าเป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มม.ค. 2565 ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค.2565 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ +0.2% ปิดที่ 70.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด บ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และ FED ประกาศชัดเจนว่าจะยุติ QE ในเดือนมี.ค.ปีหน้า เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
+ สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 1.2%MoM ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย.
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 84 ในเดือนธ.ค.สูงสุดในปีนี้
+กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ประเมินแนวโน้มการท่องเที่ยวกาลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
+ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,684 ราย มีผู้เสียชีวิต 26 ราย รักษาหาย 4,531 ราย

 

ปัจจัยลบ 

- แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรค โควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐ
 

 

- ผลการศึกษาล่าสุดของฮ่องกงเปิดเผยว่าวัคซีนของบริษัทซิโนแวคไม่สามารถสร้างแอนติบอดีได้มากพอที่จะต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนเร่งฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์โดยเร็วที่สุด
- WHO กล่าวว่า ประเทศต่างๆไม่ควรมองว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เนื่องจากสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถทำให้ผู้ป่วยมีอาการหนักได้
- สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%MoM ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนต.ค.
- สหรัฐจ่อขึ้นแบล็กลิสต์บริษัทจีนอีก 8 แห่ง เหตุละเมิดสิทธิชาวอุยกูร์
- ตลท.เผย ผลเฮียริ่ง มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นจ่อเพิ่มดีกรี 'สกัด' หุ้นร้อน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังประกาศว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามตลาดคาด ขณะที่นักลงทุนยังกังวลการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19สายพันธุ์โอมิครอน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,615-1,635 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 : หุ้นเข้า BANPU TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN
• ส่งออกเดือน ต.ค. ขยายตัว AH SAT NER KCE HANA TWPC JUBILE
• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK
• FTSE Rebalance มีผล 17 ธ.ค. : FTSE All World Index : ไม่มีหุ้นเข้า-ออก ,FTSE All Cap : หุ้นเข้า TIDLOR หุ้นออก ไม่มี ,FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า AMR ASW DMT GROREIT INETREIT NSL SNNP หุ้นออก ไม่มี

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                                             JTS

•งวด 9M64 มีกำไร 150 ลบ. +435%YoY เติบโตสูงจากธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม (สัดส่วน 84%) และเพิ่งเริ่มรับรู้รายได้ในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ (สัดส่วน 1%) หลังปรับกลยุทธ์ใหม่เข้าสู่ธุรกิจ Crypto Currency ที่เป็นโอกาสเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะ Bitcoin ที่เป็นสกุลหลัก บริษัทเพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ในช่วง 3Q64 มีจำนวนเครื่องขุด 110 เครื่อง ความเร็วในการขุดต่อเครื่อง 100 TH/s รายได้ต่อเครื่องราว 0.2046 BTC/Years หรือราว 4.37 แสนบาท/เครื่อง (1 BTC = 2,133,064 THB) ต้นทุนในการขุดราว 2.34 แสนบาท/ปี หรือคิดเป็น %GPM = 46% ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. นี้ จะมีเครื่องขุดเข้ามาเพิ่มอีก 215 และ 200 เครื่องตามลำดับหนุนภาพรวม 4Q64 เติบโตต่อเนื่อง และในปี 65 มีแผนลงทุนเครื่องขุดอีก 1,200 เครื่องซึ่งคาดจะเริ่มมีรายได้ในช่วง 2Q65

•ความเห็น ธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์มีแนวโน้มเติบโตสูงตามการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ อย่างไรก็ดี ธุรกิจดังกล่าวมีความเสี่ยงในแง่ของความผันผวนของราคา BTC และ Supplier ผู้จำหน่ายเครื่องขุดเหรียญซึ่งมีอยู่น้อยราย ผู้เล่นรายใหม่สามารถเข้าตลาดได้ง่าย การสวนกระแส ESG เนื่องจากใช้พลังงานสูง และการกำกับดูแลของก.ล.ต.และธปท. JTS จะเข้าคำนวณ FTSE Mid Cap Index มีผล 20 ธ.ค.64 เป็นต้นไป ราคาหุ้นปรับขึ้นร้อนแรง +46% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนะนำเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง

 

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 55.00 บาท) ปิดดีลซื้อกิจการอีกในเกาหลีใต้ เข้าซื้อหุ้น KOPOS สัดส่วน 49.9% ราคาพาร์รวมมูลค่า 117 ล้านบาท ลุยพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม-แสงอาทิตย์ กำลังผลิต 95.78 เมกะวัตต์ ตามแผน ผนึกพันธมิตรเปิดประตูลงทุน ด้านโบรกชี้เป็นโครงการอยู่ระหว่างพัฒนา มองบวกระยะยาว แนะทยอยสะสม เป้า 56.75 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAMART (Bloomberg Consensus -- บาท) เผยบริษัทย่อย "เทด้า" คว้างานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง มูลค่า 1,087.30 ล้านบาท เติมพอร์ตงานในมือเพิ่มตามเป้าสิ้นปีแตะ 1 หมื่นล้านบาท จับตาผลประกอบการปีหน้าจะฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างแน่นอน ฟากโบรกชู SAMTEL เด่นมีอัพไซด์จากงานใหม่ ลุ้นไตรมาส 4/2564 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SUPER (Bloomberg Consensus 1.20 บาท) ลั่นปีหน้าโกยรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท โต 40% จากปีนี้ เหตุจ่อ COD โรงไฟฟ้าในเวียดนาม 371 เมกะวัตต์ และในไทย 100 เมกะวัตต์ เล็งปิดดีลเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าอีก 200 เมกะวัตต์ ลุ้นแผนพีดีพีใหม่ได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม 400-500 เมกะวัตต์ จาก 1,500 เมกะวัตต์ และคาดได้โรงไฟฟ้าขยะ 100 เมกะวัตต์ จาก 400 เมกะวัตต์ ล่าสุดแจ้งซื้อหุ้น KWP สัดส่วน 57.50% ฮุบโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 45 เมกะวัตต์ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PROEN (Bloomberg Consensus -- บาท) “โปรเอ็น คอร์ป” ปักธงรายได้ปี 65 โตกว่า 20% มีแผนทำดีล M&A ธุรกิจสมาร์ตโลจิสติกส์ หวังเพิ่มฐานรายได้ประจำ แย้มผลงานไตรมาส 4/64 ดีกว่าปีก่อน บุ๊กรายได้ขาย ASIC Miner ตุนแบ็กล็อก 821 ล้านบาท หนุนรายได้ปี 64 เข้าเป้าโต 20% (ที่มา ทันหุ้น)