JAS มาตามนัด |ออฟเรคคอร์ด

JAS มาตามนัด |ออฟเรคคอร์ด

ลูกขึ้น-ราคาวิ่งกระจายขนาด JTS ได้ขนาดนั้น อานิสงค์ผลดีหนุนหุ้นแม่ JAS ขึ้นมาแบบ “เหมือนจับวาง” จนราคาขึ้นมาพร้อมกับวอลลุ่ม 3.48 บาทบวกมา 7 %

ลักษณะแบบนี้วงในว่ากันว่า “ไม่มีความบังเอิญ” ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหุ้นแม่ขึ้นมาได้ตามหุ้นลูกตามมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจะ "ขึ้นเท่าไร" หรือ "ลงดิ่ง" แค่ไหน สะท้อนไปยังแม่ที่ถือหุ้นใหญ่ 32 % 

ยิ่งราคาหุ้น JTS ยังไต่ทะลุ 122.50 บาท ตามประเด็นลงทุนขุดเหมือง  “บิทคอยน์”  และล่าสุดเซอร์ไพร์สเข้าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มตัว 

เห็นแล้วได้แต่ร้องว๊าว !! ตามกระแสซะไม่มี แต่จะให้  “ไล่กวด” ราคาที่ขึ้นมาขนาดนี้แทบไม่ต้องชั่งใจเพราะหวาดเสียว เกินใจบางๆ รายย่อยจะทนได้

การขึ้น JTS ราคาแบบนี้แต่วอลลุ่มกลับไม่ได้คึกคักตามไปด้วย เรียกได้ว่า ยังอยู่ในมือเจ้าของ ซะส่วนใหญ่ ยังไม่โยกพอร์ตโยกหุ้นไปไหนไกล ส่วนใครจะเข้ามาทุ่มซื้อก็ไม่กล้าได้แต่เทรดสั้นๆ กับมองตาปริบ ๆ 

สุดท้ายเลยมาดีกับหุ้นแม่ JAS ซะเอง ที่รับไปเต็มๆ  ถ้าอยากรู้ลึกกว่านี้ติดตามต่อวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ.. อิอิ

๐๐๐

ตลาดหุ้นไทยเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความสดใส หลังได้หยุดยาวไปชาร์จแบตเติมพลังมาแล้ว โดยดัชนียืนบวกได้ตลอดทั้งวัน สอดคล้องกับตลาดภูมิภาคที่เริ่มคลายความกังวลต่อการระบาดของโควิดโอมิครอน

ขณะที่ล่าสุด ศบค. ได้ผ่อนคลายมาตรการในช่วงเทศกาลปีใหม่เพิ่มเติม หนุนให้บรรยากาศน่าจะคึกคักขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งชะล่าใจเชื่อว่าความผันผวนยังมีอยู่ ต้องรอติดตามการประชุมธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเฟดในช่วงกลางสัปดาห์เพื่อติดตามสัญญาณการปรับลดวงเงินคิวอีและขึ้นดอกเบี้ย

โดยดัชนีฯ ปิดการซื้อขายที่ 1,625.83 จุด เพิ่มขึ้น 7.60 จุด หรือ 0.47% ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,628.93 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,618.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,439.73 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,248.46 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 202.26 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 885.02 ล้านบาทและนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 565.40 ล้านบาท

๐๐๐

 “กลุ่มซีพี” พร้อมใจบวกกันคึกคัก ท่ามกลางกำลังซื้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ปิดที่ 59.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.28% คาดยอดขายสาขาเดิมช่วงสิ้นปีจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ส่วนบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ปิด 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.42% รับอานิสงส์จากราคาเนื้อหมูเนื้อไก่ที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับมีสตอรี่ใหม่หลังจับมือกับพันธมิตรในสหรัฐร่วมกันพัฒนาอาหารทางเลือก Plant Based หรือ เนื้อสัตว์จากพืชที่กำลังมาแรง

๐๐๐

ด้านบมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ปรับตัวขึ้นมารับข่าวดี หลังปิดดีลเข้าถือหุ้นใหญ่ 85% ใน “Deltalab” อย่างเป็นทางการ เพื่อเดินหน้ารุกธุรกิจเครื่องมือแพทย์ซึ่งกำลังเติบโตอย่างร้อนแรง และยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจหลักบรรจุภัณฑ์โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ “Deltalab” เข้ามาตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ดันราคาหุ้นปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 1.98%

๐๐๐

ส่วนหุ้นบมจ.สหโคเจน (ชลบุรี) (SCG) พุ่งติดจรวด 13.16% ปิดที่ 6.45 บาท หลังมีรายการบิ๊กล็อต 35 รายการ รวมกว่า 384 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,212 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 5.75 บาท ต่ำกว่าราคากระดาน โดยเป็นขายหุ้นทั้งหมดให้กับกลุ่มบมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้

๐๐๐

แฟนคลับหุ้นไอพีโอเตรียมพร้อมกันให้ดี ล่าสุดเคาะราคาออกมาอีก 1 ตัว บมจ.โนวา ออร์แกนิค (NV) ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารเสริม ซึ่งเติบโตมากๆ ในยุคโควิด หลังผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 6.90 บาท และจะเปิดให้จองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค.นี้