“เครือมากุโระ” ต่อจิ๊กซอว์ร้านอาหาร เข้าตลาดหลัก ติดสปีดรายได้ 1,000 ล.

“เครือมากุโระ” ต่อจิ๊กซอว์ร้านอาหาร เข้าตลาดหลัก ติดสปีดรายได้ 1,000 ล.

“เครือมากุโระ” เนื้อหอมดึงดูดกองทุนระดับภูมิภาค ควัก 300 ล้าน ลงขันธุรกิจ “ปลดล็อก” ขยายร้านอาหารปีหน้า ทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี ร้านซูชิ เปิดกว้างซื้อกิจการเสริมแกร่ง ปั้นแบรนด์ใหม่เติมพอร์ตโฟลิโอ พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2566 ติดสปีดรายได้สู่ 1,000 ล้านบาท

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง กรรมการบริหาร ร้านอาหารญี่ปุ่นมากุโระ และกลุ่มธุรกิจในเครือมากุโระ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ตลอด 6 ปี ของการดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ “มากุโระ” ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะ 2 ปีแรก ผลตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายดีเกินคาด ทำให้บริษัทขยายร้านจาก 2-3 สาขา สู่ 10 สาขาในปัจจุบัน และยังเดินหน้าสร้างแบรนด์ใหม่ทั้งร้านอาหารเกาหลีระดับพรีเมียมแมส “ซัมติง ทูเก็ทเตอร์”(SSAMTHING TOGETHER) และร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นแบบจานด่วน “ไทโกะ”(TAIKO) เติมพอร์ตโฟลิโอมากขึ้น

ทั้งนี้ การเติบโตของบริษัททำให้เตะตานักลงทุนสถาบันชั้นนำจกภูมิภาคเอเชีย ทุ่มงบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนกับบริษัท โดยเงินดังกล่าวจะใช้นำไปขยายธุรกิจภายใน 2 ปี(2565-2566) ได้แก่ การเปิดร้านมากุโระเพิ่ม 2-3 สาขา ร้านซัมติง 3 สาขา ซึ่งสาขาใหม่จะมีขนาดราว 200 ตารางเมตร(ตร.ม.) จากสาขาแรกที่เมกา บางนา ขนาดเกือบ 300 ตร.ม. ส่วนร้านไทโกะซึ่งเป็นคีออสจะเปิดราว 10-20 จุด จากปัจจุบันมี 1 จุด

นอกจากนี้ เงินส่วนหนึ่งจะใช้ขยายครัวกลางเพิ่ม จากปัจจุบันกำลังลงทุนครัวกลางขนาด 800 ตร.ม. ซึ่งรองรับการเติบโตได้ราว 2 ปีเท่านั้น ขณะที่การสร้างครัวกลางใหม่ต้องมีชนาดใหญ่ขึ้นเพื่อสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจร้านอาหารในอนาคตที่จะมีทั้งสร้างแบรนด์ใหม่ ใช้กลยุทธ์การซื้อและควบรวมกิจการ(M&A)ร้านอาหารและไม่ใช่ร้านอาหาร เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทมากขึ้น

สำหรับหมวดร้านอาหารที่น่าสนใจ มีทั้งสตรีทฟู้ด อาหารไทย อย่างหลังบริษัทมีศักยภาพด้านการวิจจัยและพัฒนาเมนูต่างๆ มีองค์ความรู้ ที่พร้อมต่อยอดธุรกิจค่อนข้างมาก

“ปีหน้าคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาของร้านอาหารทั้งหมด โดยเรายังให้ความสำคัญกับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น เพราะยังมีการเติบโต และเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์การบริโภคอาหารของคนไทยไปแล้ว ขณะที่ตลาดร้านซูชิมีมูลค่า 4,000 ล้านบาท ส่วนร้านอาหารเกาหลีช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตร้อนแรงเป็นอัตรา 2 หลัก มูลค่าตลาด 2,000 ล้านบาท โดยแบรนด์ซัมติง ทูเก็ทเตอร์ มีโมเมนตัมการเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับการวางตำแหน่งทางการตลาดพรีเมียมแมส ราคาต่ำกว่าคู่แข่ง 50% จึงคาดว่าจะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างดี”

อย่างไรก็ตาม ตลอด 6 ปี เครือมากุโระ มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2562 สร้างยอดขาราว 500 ล้านบาท แต่ 2 ปีที่เผชิญวิกฤติโควิดได้รับผลกระทบทำให้สิ้นปี 2564 คาดยอดขายอยู่ที่ 400 ล้านบาท แต่ยังมีความสามารถในการทำกำไร ทำให้ปี 2566 บริษัทจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจเพิ่ม และผลักดันรายได้ให้โตเท่าตัวแตะ 1,000 ล้านบาท ในปี 2566 ส่วนปีหน้าคาดยอดขาย 750 ล้านบาท

“อนาคตเราต้องการมีร้านอาหารหลายแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ และต้องการสร้างครัวกลางที่มีทุกแบรนด์เข้ามาอยู่รวมกัน เพื่อต่อยอดสู่บริการเดลิเวอรี ซึ่งปัจจุบันเริ่มทำมากุโระโกตอบโจทย์ผู้บริโภค สร้างการเติบโต ขณะที่เป้าหมายสูงสุดต้องการก้าวเป็นผู้นำร้านอาหารในระดับภูมิภาคอาเซียน มีการเปิดร้านในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา ฯ ที่ตลาดมีศักยภาพ”