BBL นำร่องเปิด ‘Mobile ID’ ยืนยันตัวตน รองรับทำธุรกรรมการเงิน

BBL นำร่องเปิด ‘Mobile ID’ ยืนยันตัวตน รองรับทำธุรกรรมการเงิน

ธนาคารกรุงเทพ นำร่องให้บริการ ‘Mobile ID’ เพื่อยืนยันตัวตนสำหรับทำธุรกรรม รองรับทุกค่ายทั้ง AIS-DTAC-TRUE ทำออนไลน์ได้ง่ายด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน ‘atta’ เพิ่มความสะดวก ใช้งานปลอดภัย

     นายกึกก้อง รักเผ่าพันธุ์ รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าธนาคารได้เริ่มเปิดให้บริการยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ Mobile ID โดยลูกค้าของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเครือข่าย AIS, DTAC และ TRUE ที่ได้สมัครใช้บริการ Mobile ID เรียบร้อยแล้ว สามารถยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมกับธนาคารได้

    ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการสมัครใช้บริการต่าง ๆ กับธนาคาร ไม่ต้องใช้เอกสาร ทำธุรกรรมด้วยตนเองได้ง่าย ทุกที่ ทุกเวลาและมีความปลอดภัย ซึ่งนับเป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้เริ่มเปิดให้บริการนี้

   สำหรับบริการดังกล่าว เมื่อลูกค้าได้สมัครใช้งาน Mobile ID กับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว จะสามารถใช้Mobile ID เพื่อยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ กับธนาคารกรุงเทพได้ 2 รูปแบบ ดังนี้

     1.) ธุรกรรมออนไลน์ - ลูกค้าสามารถใช้ Mobile ID เพื่อยันยันตัวตนสำหรับการเปิดบัญชีสะสมทรัพย์ e-Savings พร้อมสมัครโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ เพียงทำรายการผ่าน ‘atta’ (อั๊ตต้า) แอปพลิเคชันที่ธนาคารกรุงเทพพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้บริการยืนยันตัวตนโดยใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือ (Mobile ID) ร่วมกับแอปของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ช่วยให้ลูกค้าสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องเตรียมเอกสาร ทั้งยังทำธุรกรรมการเงินแบบดิจิทัลด้วยตนเองอย่างเต็มรูปแบบได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องไปสาขา (สำหรับลูกค้า AIS ใช้บริการMobile ID ผ่านแอปพลิเคชัน atta ร่วมกับแอปพลิเคชัน myAIS)

     สำหรับ ‘atta’ (อั๊ตต้า) แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ที่รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง iOSและ Android พัฒนาโดยธนาคารกรุงเทพเพื่อรองรับบริการยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID โดยทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่าง “ผู้ใช้งาน” (ลูกค้าผู้ต้องการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรม) กับผู้ให้บริการ (หน่วยงานภาครัฐและเอกชน) ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เข้าร่วมโครงการMobile ID

    2.) ธุรกรรมที่สาขา - ลูกค้าสามารถใช้ Mobile ID เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ สำหรับประกอบการทำธุรกรรมเปิดบัญชี ณ สาขาธนาคาร โดยสามารถทำธุรกรรมเปิดบัญชีเงินฝาก, เปิดบัญชีเงินฝากพร้อมทำบัตรเดบิต/สมัครโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ/บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง/SMS Account Alert, เปิดบัญชีกองทุนรวม, เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเปิดบัญชีพันธบัตร ผ่าน 9สาขาของธนาคารกรุงเทพ ได้แก่ สำนักงานใหญ่สีลม, จามจุรีสแควร์, ดิ เอ็มควอเทียร์, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เดอะ คริสตัล 2, เซ็นทรัล วิลเลจ, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 2, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน (สำหรับลูกค้า DTAC และTRUE ใช้บริการ Mobile ID ผ่านแอปพลิเคชัน DTAC/TrueID)

    “บริการ Mobile ID เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรประชาชนไปแสดง หรือยืนยันตัวตน เพียงใช้ Mobile ID แทนบัตรประชาชนได้เลย จะใช้งานระบบออนไลน์ก็ง่าย ทำธุรกรรมที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ หรือกรณีไปใช้บริการที่สาขาก็มั่นใจสามารถยืนยันเบอร์โทรศัพท์ได้ง่ายๆ และที่สำคัญยังมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย เนื่องจากนำเทคโนโลยีทันสมัย

    เช่น บล็อกเชน และระบบการยืนยันตัวตนแบบหลายองค์ประกอบ (Multi-factor Authentication) มาสนับสนุน ลูกค้าเพียงสมัครใช้บริการ Mobile IDและพิสูจน์ตัวตนกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงครั้งเดียว ก็สามารถใช้ยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรรมกับธนาคารกรุงเทพได้ รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่จะทยอยเปิดเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย”

   ทั้งนี้ โครงการ Mobile ID เกิดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับกรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานประกันสังคม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่เรียกในชื่อ Mobile ID หรือ “แทนบัตร” โดยได้เปิดตัวทดสอบทดลอง Mobile ID ครั้งแรกกับเอไอเอส และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

   นายกึกก้อง กล่าวอีกว่า การให้บริการทางการเงินนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยืนยันตัวบุคคลของลูกค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารกรุงเทพให้ความสำคัญทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมบริการด้านการเงินรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการใช้บริการทางการเงินกับธนาคาร

   ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ระบบดิจิทัลจะมีความสำคัญมากขึ้น ขณะเดียวกันธนาคารยังคงคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นพื้นฐานอยู่เสมอ เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือในฐานะสถาบันการเงิน./