“โอไมครอน” กระทบเปิดประเทศ ไม่กระทบเปิดเมือง

“โอไมครอน” กระทบเปิดประเทศ ไม่กระทบเปิดเมือง

องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้โอไมครอน เป็นสายพันธ์ที่น่ากังวล ภายหลังการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโควิด (26 พ.ย.)  พบข้อมูลบ่งชี้ ด้านระบาดวิทยาที่น่ากังวลโดยมีการกลายพันธ์ในหลายตำแหน่ง และมีการระบาดที่เร็วกว่าสายพันธ์อื่น

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องความรุนแรง เรามีมุมมองว่าสถานการณ์ของโควิดสายพันธ์โอไมครอนอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมมากเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นในระลอกก่อนก่อน เนื่องจาก 1) อัตราการเฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นมากในประเทศส่วนใหญ่ 2) องค์ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาโควิดที่ดีขึ้น 3) เทคโนโลยีของวัคซีน MRNA ที่ทำให้สามารถปรับปรุงวัคซีนได้เร็ว (ประมาณ 2-3 เดือน) 4) การตรวจในปัจจุบันยังสามารถใช้ได้ดี 

 

อาจกระทบเปิดประเทศ แต่ไม่กระทบเปิดเมือง ในสถานการณ์ที่เริ่มพบการระบาดและยังไม่แน่ใจผลกระทบเกี่ยวกับความรุนแรงของสายพันธ์ใหม่ ทำให้หลายประเทศเริ่มประกาศห้ามการเดินทางจาก 8 ประเทศแอฟริกา ขณะที่น่าจะยังมีการใช้มาตรการเข้มข้นในการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศไปอีกระยะ ซึ่งอาจกระทบกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามคาดไม่กระทบกับการเปิดเมือง และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ ที่ยังจะได้แรงส่งจากมาตรการกระตุ่นเศรษฐกิจต่างๆ และการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ การปรับลดลงเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์, สื่อสาร, ค้าปลีก ขณะที่หุ้น การแพทย์และเครื่องมือแพทย์ อาจฟื้นตัวในระยะสั้น แต่เรามองเป็นเพียงการเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 8) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW

ภาพรวมกลยุทธ์: มีแนวโน้มผันผวนทางลงจากความกังวลโควิดสายพันธ์ใหม่  ซึ่งเรามองจะกระทบการฟื้นตัวของหุ้นท่องเที่ยวและกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต่างชาติ ขณะที่กระทบจำกัดต่อหุ้นในธีมเปิดเมือง การปรับลงเป็นโอกาสเลือกซื้อ //หุ้นแนะนำ: FSMART*, WHA*, DMT*

แนวรับ: 1,600 / แนวต้าน : 1,620-1,635 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

ศบค.ไม่เคาะเปิดผับ-บาร์ เร็วขึ้น ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2 เดือน – ศบค.ขยายเวลาใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯคุมโควิดอีก 2 เดือน สิ้นสุด 31 ม.ค.65 พร้อมยกเลิกพื้นที่สีแดงเข้ม เพิ่มพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเป็น 7 จังหวัด ยังไม่เคาะเปิดสถานบันเทิงเร็วขึ้น พบผู้ติดเชื้อใหม่ 6,559 คน

สธ.-มท.จับมือสกัดโอไมครอน – สธ.คุมเข้มสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน เผยยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้ว 116,323 ราย ติดเชื้อเพียง 149 ราย ขณะที่ต่างประเทศตื่นตัวสกัดการเดินทางเข้าประเทศ บริษัทผลิตวัคซีนเร่งศึกษาผลกระทบ-ปรับสูตรใช้กับสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะ

MSCI Rebalancing – สิ้นวัน 30 พ.ย. รอบนี้ไม่มีหุ้นขนาดใหญ่เข้า-ออก แต่ในหุ้นขนาดเล็ก (MSCI Global Small Cap) มีหุ้นเข้า BEC, TIPH, TIDLOR ขณะที่หุ้นออกคือ TKN // ระวังแรงขายทำกำไรของหุ้นที่เข้าคำนวณ ขณะที่หุ้นที่หลุดดัชนีอย่าง TKN การปรับลดลงของราคาหุ้นจะเป็นโอกาสซื้อรับ Turnaround

Opportunity day – 29 พ.ย. – NOBLE, BIZ, PF, GGC, TK, K, TQM / 30 พ.ย. – LOXLEY, LEO, NCH, CNT, CHEWA, AH, BCH / 1 ธ.ค. – ACE, TPIPP, DDD, AMR, HARN, BGRIM, RAM

 

ประเด็นติดตาม: - 30 พ.ย. – MSCI Rebalancing Effective date / 17 ธ.ค. – FTSE Rebalancing Effective date

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)