สยามอรุณ กรุ๊ป ผุดไลฟ์สไตล์มอลล์ “แอทเอกมัย”

สยามอรุณ กรุ๊ป ผุดไลฟ์สไตล์มอลล์ “แอทเอกมัย”

สยามอรุณ กรุ๊ป เปิดโปรเจครีเทล “แอทเอกมัย”ไลฟ์สไตล์มอลล์ขนาด 5 ไร่ ติดซอยเอกมัย 9 เตรียมเปิดให้บริการ 27 มี.ค.65

นายจิรพัฒน์ เหตานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอรุณ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์มานานกว่า 30 ปี ปัจจุบันมีโครงการที่ดำเนินงานอยู่ 6 โครงการมากกว่า 1,300 ห้อง ประกอบด้วยโครงการที่เปิดตั้งแต่ปี 2539 ได้แก่ Citi Resort Sukhumvit 39, Citi Resort Sukhumvit 49, Citi Resort Sukhumvit 39 Annex ต่อมาคือโครงการ Citi Resort Sukhumvit 39 New Wing เปิดให้บริการในปี 2550 และโครงการ Living @ Citi Resort ในปี 2556

ล่าสุดคือ โครงการ Citi Resort @ Sea Sriracha จังหวัดชลบุรี เปิดในปี 2561 โดยแต่ละโครงการจะเน้นจับกลุ่มผู้พักอาศัยชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในประเทศไทยเป็นหลัก ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่จะเป็น ‘The First Choice of Japanese Expat’ จึงได้มีการออกแบบห้องพัก อาคาร รวมถึงคัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อตอบรับกับรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ
 

“ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา บริษัทฯ รับรู้รายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แต่ได้รับผลกระทบบ้างในช่วงสองปีนี้ เพราะสถานการณ์โควิดทำให้ผู้เช่าส่วนใหญ่ที่เป็นชาวญี่ปุ่นถูกเรียกตัวกลับประเทศไปบ้าง จากเดิมที่เคยมีจำนวนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทยเกือบ 35,000 คน ลดลงเหลือ 28,000 คน ซึ่งสองในสามจะพักอยู่ในกรุงเทพฯ ย่าน CBD โดยมีสุขุมวิทเป็นโลเคชั่นหลัก แต่ทันทีที่มีการเปิดประเทศ บริษัทฯ ก็ได้รับสัญญาณที่ดี ทั้งจากลูกค้าองค์กร และเอเจนซี่ และเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตอีกครั้งอย่างน้อย 15% ในปีหน้า” 

นายจิรพัฒน์ กล่าวถึงโครงการ @EKKAMAI ว่า  เป็นสไตล์มอลล์ในลักษณะศูนย์การค้าโครงการแรกของสยามอรุณ กรุ๊ป บริษัทมีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจพลาซ่าภายในอาคารมาเป็นเวลานาน จึงได้ตัดสินใจทำโครงการนำร่องนี้ขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดิน และเป็นการเปิดไลน์ธุรกิจรีเทลที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ให้กับบริษัทในอนาคต ทั้งยังเป็นการทำประโยชน์ให้กับย่านเอกมัย ด้วยการสร้างสถานที่พักผ่อนและแหล่งช้อปปิ้งที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของทั้งผู้อาศัยและนักท่องเที่ยวในย่านนี้

สยามอรุณ กรุ๊ป ผุดไลฟ์สไตล์มอลล์ “แอทเอกมัย”

โครงการ @EKKAMAI ตั้งอยู่บริเวณซอยเอกมัย 9 มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 5 ไร่ พื้นที่พาณิชย์อยู่ที่ราว 3,200 ตารางเมตร ประกอบด้วยร้านค้า 16 ร้าน และมีที่จอดรถขนาดใหญ่ รองรับได้มากถึง 130 คัน รวมถึงที่จอดรถอีวี สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการฯ จะเป็นกลุ่ม B ถึง B+ ทั้งที่เป็นผู้อาศัยและนักท่องเที่ยวประจำในย่านเอกมัย โดยคิดสัดส่วนเป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30% ส่วนความคืบหน้าในงานก่อสร้าง ปัจจุบัน ในด้านโครงสร้างอาคารได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 75% ด้านก่อสร้างสถาปัตย์ประมาณ 15% และงานระบบต่างๆ ประมาณ 40% ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้เช่าได้ภายในเดือนมกราคมปีหน้า และวางกำหนดการเปิดตัวโครงการ พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 27 มี.ค. 2565

และเช่นเดียวกับทุกโครงการของสยามอรุณ กรุ๊ป @EKKAMAI ก่อสร้างบนที่ดินที่เป็นแลนด์แบงค์ของบริษัทฯ เอง ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำ ใช้งบก่อสร้างราว 65 ล้านบาท โดยคาดว่าโครงการนี้จะสามารถเบรกอีเวนท์ได้ภายในเวลา 3 ปี ปัจจุบัน สามารถปิดการขายพื้นที่ได้แล้ว 90% โดยมีร้าน KFC ที่ได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดเด่นที่เป็นแฟล็กชิพสโตร์ที่ใช้ธีมโมเดล 2022 แห่งแรกในประเทศไทย ดูทันสมัยหรูหราแตกต่างจากสาขาอื่น นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าแบรนด์ดังที่เตรียมจะมาเปิดต่อไป ได้แก่ Swensen's, Wine Connection, Watsons,     San Kyu Yakiniku, Shizen Shabu เป็นต้น รวมไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาด 1,300 ตารางเมตรที่รวมสินค้าระดับ พรีเมี่ยมไว้อย่างครบครัน

ในด้านการออกแบบตัวอาคาร @EKKAMAI จะทำให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกเหมือนได้หลีกหนีจากความวุ่นวายของเส้นเอกมัย ด้วยคุณค่า 3 ด้านที่ลูกค้าจะสามารถสัมผัสได้ทันทีที่เข้ามาโครงการ ได้แก่ Fill Up คือรูปทรงที่แตกต่างจากบริบทโดยรอบบนเส้นเอกมัย อาคารสีขาวสะอาดตาตัดกับพื้นที่สีเขียวทั่วโครงการ, Pure & Fresh ที่เน้นใช้เส้นสายที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ลื่นไหล และเป็นธรรมชาติ และ Well ซึ่งสื่อถึงความสบายเป็นกันเอง เปิดโล่ง เข้าถึงง่าย 

“สำหรับแผนงานในอนาคต สยามอรุณ กรุ๊ป ยังจะนำแลนด์แบงค์ที่มีอยู่ในย่านทองหล่อ เอกมัย และส่วนอื่นบนเส้นสุขุมวิทอีก บวกกับในต่างจังหวัด ซึ่งล้วนแต่เป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูงขึ้นมาพัฒนาต่อไป โดยไม่ได้ยึดติดกับธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ แต่จะขึ้นอยู่กับการศึกษาความเป็นไปได้ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งรวมไปถึงที่ดินขนาด 4 ไร่อีกแปลงที่อยู่ใกล้กับ @EKKAMAI ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการประเภทใหม่ๆ และจะนำมาผนวกกันเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ขึ้นต่อไป” นายจิรพัฒน์ กล่าว