‘รัฐบาล’จับตาสหรัฐฯระบายสต็อกน้ำมัน ฉุดราคาตลาด- ลดแรงกดดันการเมือง

‘รัฐบาล’จับตาสหรัฐฯระบายสต็อกน้ำมัน ฉุดราคาตลาด- ลดแรงกดดันการเมือง

ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยกดดันรัฐบาล เมื่อมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มรถบรรทุก ที่ขอให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 25 บาทต่อลิตร นายกรัฐมนตรีได้เรียกหารือครม.ชุดเล็ก ขณะที่รองนายกฯสุพัฒนพงษ์หวังการระบายสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯทำให้ราคาตลาดโลกลดลง

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 13.40 น.วานนี้ (23 พ.ย.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ,นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคม และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การหารือที่ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง และข้อร้องเรียนของกลุ่มรถบรรทุกขนส่งยังต้องการให้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร ขณะที่รัฐบาลสามารถตรึงไว้ในระดับ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งขณะนี้ใกล้วันที่ 1  ธ.ค.ที่กลุ่มรถบรรทุกขู่จะยกระดับการเคลื่อนไหว

 นายสุพัฒนพงษ์  กล่าวว่า รัฐบาลดูแลราคาน้ำมันมาต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของน้ำมันดีเซลขณะนี้รัฐบาลยังชดเชยราคาน้ำมันอยู่ ส่งผลให้มีราคาต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร และปัจจุบันราคาลดลงมาอยู่ที่ 28 บาทต่อลิตร และในวันนี้ (24 พ.ย.)ราคาน้ำมันก็จะลดลงอีก หลังจาก บริษัท ปตท.ประกาศลดราคาน้ำมัน คาดว่าจะส่งผลให้สถานีบริการรายอื่นลดลงตามไปด้วย

ขณะนี้ต้องจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ภายหลังประเทศมหาอำนาจ เช่นสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย มีการนำน้ำมันสำรอง จากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์มาใช้ ส่งผลให้ประเทศกลุ่มโอเปกรู้สึกขุ่นเคืองไม่พอใจ จึงต้องจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) ที่อาจมีการทบทวนเรื่องกำลังการผลิตในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ด้วย

สำหรับข้อเสนอของผู้ประกอบการ รัฐบาลจะพิจารณาไปเป็นข้อๆ หวังว่าเรื่องสถานการณ์ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็ช่วยเหลือดูแลค่าใช้จ่ายประชาชน ผ่านโครงการต่างๆ ทั้งคนละครึ่ง การคงสภาพการจ้างงาน แต่แนวทางที่คิดว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดคือการพยายามเปิดประเทศอย่างยั่งยืน

ส่วนวงเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาทที่เตรียมไว้ คาดว่าจะใช้แก้ปัญหาได้ 4-5 เดือน สำหรับข้อเรียกร้องราคาน้ำมันดีเซลให้ตรึงเหลือ 25 บาทต่อลิตร นั้น มองว่าทำไม่ได้ เพราะจะต้องใช้เงินประมาณวันละ 500 ล้านบาท หรือเดือนละ 15,000 ล้านบาท หรือตกปีละ 180,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้

“ไทยเราก็น่าจะเห็นราคาน้ำมันลิตรละ 28 บาทกลางๆต่อไป แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ของกลุ่มประเทศมหาอำนาจเกี่ยวกับการเอาน้ำมันสำรองออกมาใช้จ่ายด้วย หากสามารถกดดันราคาให้ลดลงได้อีก เราก็จะได้ประโยชน์ในส่วนนี้”

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯกล่าวว่าราคาน้ำมันในขณะนี้แม้จะทรงตัวในระดับสูง แต่จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมองว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกยังไม่เพิ่่มขึ้นถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ แต่ราคาน้ำมันจะยังทรงตัวระดับสูงต่อไปเนื่องจากในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจะมีความต้องการใช้น้ำมันมากซึ่งขณะนี้ภาครัฐมีมาตรการที่ดูแลอยู่และล่าสุดใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกในการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม 

ส่วนการใช้เงินจากพ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาทมาแก้ปัญหาราคาน้ำมันในขณะนี้นั้น จะต้องไปพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบครอบก่อนว่าจะทำได้หรือไม่ แต่เท่าที่ดูแล้วไม่สามารถทำได้เพราะ ข้อกฎหมายให้ใช้เยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 

โดยส่วนที่อาจช่วยเหลือได้คือการชดเชยราคาก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) วงเงิน 2,000 ล้านบาทเนื่องจากมีการช่วยเหลือต่อเนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงแรก และได้มีการหารือแล้วกระทรวงพลังงานยังไม่เสนอมาทราบว่าอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง.ก่อนจะเสนอให้พิจารณาตามขั้นตอน