เปิดประเทศดึงต่างชาติลงทุนนิคมฯหนุนกำลังซื้ออสังหาฯจีนรีเทิร์น!

เปิดประเทศดึงต่างชาติลงทุนนิคมฯหนุนกำลังซื้ออสังหาฯจีนรีเทิร์น!

เปิดประเทศ1พ.ย.ที่ผ่านมาถือว่าเป็นแรงกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม! เมื่อนักลงทุนเดินทางเข้ามาจึงเป็นโอกาสในการมาดูพื้นที่และ “ตัดสินใจลงทุน” ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่เป็นความหวังในการกระตุ้นตลาดให้ฟื้นตัว!!

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดการขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม 2 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี  ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ที่รัฐบาลพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา

โดยพบว่ายอดขายและการเช่าที่ดินส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมายังคงอยู่ในพื้นที่อีอีซีมากถึง 80.68%  นอกอีอีซี 19.31% จะเห็นว่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซีได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก  โดยช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 2564 มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวสามารถปิดการขายไปกว่า 747.99 ไร่ หรือ คิดเป็น 80.70% ของอัตราการขายได้ทั้งหมดของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดในประเทศไทย

“ช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนจากประเทศจีนยังคงให้ความสนใจมาลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่งคิดเป็น 15.15% รองลงมาคือ นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 12.12% สิงคโปร์ เกาหลี และสหรัฐ 9.09% นอกจากนี้ยังได้รับความสนใจในการเช่า/ซื้อ พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม จากกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้า เนื่องจากความพร้อมของระบบสาธารณูปโภค และสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์นักลงทุน ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในการเลือกนิคมอุตสาหกรรมไทยเป็นฐานการผลิตของโลก”
 

แนวโน้มการลงทุนของไทยและจากต่างประเทศปลายปี2564 จนถึงปี 2565 ดีขึ้น หลังสถานการณ์ในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว และเชื่อมั่นในจุดแข็งของประเทศไทยที่เป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดการลงทุนทำให้มีนักลงทุนต่างชาติสนใจซื้อ/เช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

เพราะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับกระแสการย้ายการลงทุนออกจากประเทศจีนของกลุ่มนักลงทุนชาวจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐ มายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ซึ่งประเทศไทยยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในการรองรับการลงทุนเพื่อเป็นฐานและศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค

โดยภาพรวมภาคการลงทุนจากต่างชาติในนิคมอุตสาหกรรมช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีนักลงทุนจากจีน ให้ความสนใจมาลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่ง ถือเป็นสัญญาณที่ดี หลายฝ่ายอาจมองว่าจะเป็น “โอกาส” ที่กำลังซื้อชาวจีนจะเข้ามากระตุ้นตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัย แต่ต้องยอมรับว่าภาพรวมกำลังซื้อของนักลงทุนจีนกับอสังหาฯอาจจะไม่หวือหวาเหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

เปิดประเทศดึงต่างชาติลงทุนนิคมฯหนุนกำลังซื้ออสังหาฯจีนรีเทิร์น!
 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจีนบางส่วนยังคงให้ความสนใจอสังหาฯ ในเมืองไทยและเลือกลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ สังเกตได้จากยอดขายของผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมรายใหญ่ อาทิ แสนสิริ ที่ยังคงได้รับความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติทำให้มียอดโอนกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ดีอย่างต่อเนื่อง และกว่า 50% เป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีน จากยอดขายรวมกลุ่มลูกค้าต่างชาติ รองลงมา คือ กลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกง คิดเป็น 30% และลูกค้าชาวไต้หวันและชาติตะวันตก เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐ ฯลฯ อีกประมาณ 20% เช่นเดียวกับ พฤกษา เรียลเอสเตท ที่มีมูลค่าการซื้อขายจากกำลังซื้อชาวจีนแล้วไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และลูกค้าที่ซื้อไปไม่มีใครทิ้งดาวน์ และพร้อมโอนทันทีหากสามารถเดินทางมาได้

โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ที่ผ่านมายังคงได้รับความความสนใจจากกำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน เนื่องจากราคาขายของคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเข้าถึงง่าย! ความคุ้นชินของคนในประเทศต่อชาวจีน คุณภาพระบบสาธารณสุข และผลตอบแทนจากการลงทุนสูง 5-7% ต่อปี แม้ว่าปัจจุบันนี้อาจจะมีปัญหาติดขัดบ้าง แต่ผู้ประกอบการทุกรายให้ความสำคัญกับลูกค้าจีนเพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ

สำหรับทำเลยอดนิยมยังคงเป็นกรุงเทพฯ โดยเฉพาะทำเลย่านพระราม 9-รัชดาภิเษก สุขุมวิท อ่อนนุช นอกจากนี้นักลงทุนยังให้ความสนใจในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ ในประเทศไทย เช่น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน ชะอำ เป็นต้น