บางจาก ชี้ แก้โลกร้อนเป็นหน้าที่ทุกคน ตั้งเป้าเพิ่มพลังงานสะอาด70% ปี 2050

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนาประจำปี ครั้งที่ 11 ในหัวข้อ “Exponential Path to Net Zero” : ภายใต้แนวคิด “บางจาก 100x: 100 ไอเดียเพื่อโลกยั่งยืน” (Bangchak 100x - 100 Ideas for Sustainable World”) ว่า ในโอกาสที่บริษัทบางจาก กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 38 และตั้งเป้าหมายการเป็นองค์กรยั่งยืน 100 ปี Bangchak 100x ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับสังคม และสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ งานสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อนำเสนอข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) และเพื่อสะท้อนมุมมองการเตรียมการในระดับประเทศ องค์กร และบุคคล ภายหลังการประชุม 2021 United Nations Climate Change Conference (COP26) ซึ่งมีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 500 คน ทั้งการเข้าร่วมงานแบบ Onsite และ Online นอกจากนี้  บางจากยังมอบของขวัญพิเศษให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา 100 คนได้มีโอกาสเป็น “มนุษย์ไร้คาร์บอน” ตลอดปี 2564

“11ปี ที่จัดงานมา ทำให้ปีนี้ได้หารือตั้งแต่ต้นปีว่าจะทำเรื่อง Carbon Market ช่วงเดือนเมษายน 2564 จะเห็นได้ว่าก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งที่อยู่กับคนไทยมานาน เป็นวงจรที่มนุษย์ปล่อยก๊าซเรือนกระจก และต้นไม้จะทำหน้าที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไปเป็นอาหาร และลดปริมาณคาร์บอนในอากาศลง”

นอกจากนี้ ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการลดคาร์บอน ซึ่งก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกไปสู่ธรรมชาติจะเหมือนกับการห่มผ้าหนาๆ หลายชั้นจนทำให้เกิดความรู้สึกร้อน เมื่ออุณหภูมิร้อนขึ้นเมืองไทยก็ร้อนด้วย เกิดสภาพอากาศแปรปรวน และสิ่งที่พูดกันอยู่บ่อยๆ ในเรื่องของกรีนคาร์บอนนั้น ไม่ใช่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเดียว การจะเร่งให้ก๊าซเรือนกระจกลดลงไปสิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนได้นึกถึงคือ การปลูกต้นไม้ สำคัญคือ บ่อน้ำ ตาน้ำ การปลูกป่าชายเลน และการปลูกป่าริมทะเล เป็นการสร้างอีโคซิสเต็มได้ดี

อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ภาคการเกษตรถือเป็นกลุ่มที่ปล่อยก๊าซ 16% รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ หรือการทำปศุสัตว์ก็มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนพอสมควร ดังนั้น สมาร์ทฟาร์มมิ่ง หรือเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ตั้งแต่ต้นทางต้องใช้ให้คุ้ม และเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยลดการทำเกษตรกรแบบเดิม ส่งผลทำให้ประชากรโลกตั้งแต่ 8,000-80,000 ล้านคน ดังนั้น เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของบางจากคือ เทคโนโลยีการดักจับการใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) เป็นเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เพราะฟอสซิลจะยังอยู่ แต่จะมีขนาดลดลง

ทั้งนี้ กลุ่มสุดท้ายที่เป็นกลุ่มที่สำคัญที่สุดในการปล่อยก๊าซคาร์บอนคือ กลุ่ม Energy หรือแม้แต่บางจากเอง หลายบริษัทได้มีการผลักดันในเรื่องของ renew หรือ EV ซึ่ง EV ก็ไม่ใช่คำตอบอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่สุดจะเป็นตัวเร่งที่ดี คือ คาร์บอนเครดิต ซึ่ง COP26 ออกมาตรการชัดเจน ทุกๆ บริษัทหันมาปลูกป่า บางจากได้ทดสอบคาร์บอนได้ 3-4 เท่าของป่าปกติ หญ้าในทะเลสามารถทดสอบคาร์บอนได้ 8-9 เท่า เป็นต้น ดังนั้น ความสำคัญพลังงานที่มาจากฟอสซิลยังต้องมี อยู่ที่ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ให้คาร์บอนมีการรับรองซื้อขายข้ามพรมแดนได้ หรืออาจจะมีภาษีที่กำหนดไว้ราว 2-5% เป็นเงินทุนในการพัฒนาการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เป็นต้น ที่ต้องมีสะพานเชื่อมที่สำคัญคือ คาร์บอน มาร์เก็ต คลับ

ทั้งนี้ บางจากได้พัฒนาสัดส่วนการผลิตเพื่อให้ก้าวสู่พลังงานสะอาด โดยสัดส่วนรายได้ปัจจุบันที่เป็นสีเขียวอยู่ที่ 40% และ 60% ยังเป็นฟอสซิล โดยบางจากได้มุ่งมั่นปรับปรุงคุณภาพ อาทิ ปรับปรุงโรงกลั่น ปลูกป่า สถานีชาร์จ EV คาร์บอนเครดิต โดยใน 5 ปีต่อจากนี้ บางจากจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นครึ่งๆ โดยสัดส่วนรายได้พลังงานสะอาด และฟอสซิลอยู่ที่ 50:50 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งศึกษา และหวังว่าเป้าที่มุ่งสู่ Net Zero ปี 2050 จะมีสัดส่วนรายได้ที่เป็นพลังงานสะอาดที่ 70% เพื่อทำเป็นตัวอย่างสังคมสีเขียว

“สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อก้าวสู่โลกสะอาดคือ ตัวเราเอง โรงงานหรือบริษัท จะทำได้ตามเป้าหมาย ที่เหลืออยู่ที่พฤติกรรม ว่าเราจะเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ได้อย่างไร เราทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลโลกใบนี้ เพราะสุดท้ายจะกลับมาที่ตัวเรา ถ้าเรามีความต้องการน้อยลง ใช้ของให้คุ้มค่ามากขึ้น ทั้งการรีไซเคิล ลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงการทำงาน เพื่อมอบโลกใบนี้ให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป” 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์