หลายความกังวล (วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564)

หลายความกังวล (วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564)

ตลาดหุ้นวานนี้ SET ปิดบวกที่ 1,645 จุด ตลาดแกว่งตัวแคบตลอดวัน เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่รวมถึงแรงขายกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลง

อย่างไรก็ตาม มีแรงซื้อกลุ่ม BANK และ FIN ตามอานิสงส์คาดการณ์ GDP ปี 65 เติบโตขึ้น

 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

คาด SET อ่อนตัวแนวรับ 1,635 - 1,640 จุด ตามแรงกดดันกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงแรงจากความกังวลสหรัฐและจีนจะระบายน้ำมันจากคลังสำรอง นอกจากนี้ FedWatch Tool ได้เพิ่มคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค.2565 (เดิมคาดไว้เดือนก.ค. 2565) ซึ่งส่งผลให้ Fund flow ผันผวน อย่างไรก็ตามแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจะช่วยพยุงดัชนีสลับรีบาวนด์ขึ้นได้

 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

       กลุ่มธนาคาร ( BBL TTB KTB KBANK BLA ) ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น

       Domestic Play ( HMPRO CPN CRC AMATA WHA BTS BEM VGI BDMS ) ภาวะเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว

       GFPT TFG ได้อานิสงส์ราคาไก่ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น

 

หุ้นแนะนำวันนี้

MAJOR (21.7028) การดำเนินงานปกติผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วใน 3Q21 ที่ผ่านมา และจะเริ่มพลิกมีกำไรตั้งแต่ 4Q21 จากการคลายล็อกดาวน์ของภาครัฐ โรงหนังกลับมาเปิดทำการ มีหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉาย และยังมีเงินปันผลพิเศษให้อีก 1 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield สูงถึง 4.6%

TH (ปิด 3.12 ซื้อ/เป้า 3.90) เปลี่ยนธุรกิจสู่การบริหารจัดการหนี้อย่างเต็มรูปแบบ 3Q21 ชนะประมูลหนี้เสียมูลค่า 3,000 ล้านบาทเริ่มทยอยรับรู้รายได้ 4Q21 ส่วนปีหน้าตั้งเป้าประมูลหนี้เพิ่มอีก 6,000 ล้านบาท และอีก 6,000 ล้านบาทในปี 66  และล่าสุดแตกไลน์ธุรกิจสู่การเงินดิจิทัล (Decentralized Infrastructure) เป็น Growth story ในอนาคต

 

 

 

บทวิเคราะห์วันนี้

MINT, OR, VGI, WHA, WHAUP

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงแรงกว่า 2.4$ (-3%) ปิดที่ระดับ 78.36$/bbl กังวลข่าวสหรัฐเตรียมระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อแกปัญหาน้ำมันแพงในประเทศและยังมีข่าวว่าสหรัฐได้เรียกร้องให้จีนระบายน้ำมันจากคลังสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันแพงเช่นกัน

(-) 211ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 211 จุด (-0.58%) ปิดที่ระดับ 35,931 จุด อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.2% สูงสุดในรอบ 30 ปี ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดย CME Group ใช้เครื่องมือ FedWatch Tool พบว่ามีนักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีหน้าจากเดิมคาดไว้ในเดือน ก.ค.

(+) WHA แนะนำ “ซื้อ” เป้า 4.8 บาท - ทุกหน่วยธุรกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง: โดยยอดขายที่ดิน ณ ปัจจุบันทำได้มากกว่าเป้าหมายทั้งปีแล้ว, ธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปจะเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 90MW ได้ในปลายปีนี้ และธุรกิจโลจิสติกส์บรรลุเป้าหมายระยะสั้นไปแล้ว ด้านงบ 4Q21 จะกลับมาเติบโต qoq จาก 1)มีการโอนขายที่ดินเพิ่มขึ้น, 2) กำไรจากการขายสินทรัพย์อาจจะมากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท, 3)ยอดขายน้ำเพิ่มขึ้น, 4) โรงไฟฟ้า Gheco-One กลับมาดำเนินงานตามปกติ