EGCO ปิดดีลร่วมทุน Apex ถือหุ้น 17.46% ลุยตลาดพลังงานสะอาดสหรัฐ

EGCO ปิดดีลร่วมทุน Apex ถือหุ้น 17.46% ลุยตลาดพลังงานสะอาดสหรัฐ

EGCO ส่งลูก "เอ็กโก พลัส" ถือหุ้น 17.46% ใน Apex Clean Energy บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดใหญ่ในสหรัฐ เปิดโอกาสขยายการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในอนาคต

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า อ้างถึงสารสนเทศของบริษัทฯ เลขที่ เอ็กโก 110/329 ลงวันที่ 7 ต.ค.2564 ซึ่งแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทราบเรื่องการลงทุนทางอ้อมใน บริษัท Apex Clean Energy Holdings, LLC (Apex) ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัท เอ็กโก พลัส จำกัด (เอ็กโก พลัส) บริษัทย่อยที่ EGCO ถือหุ้นทั้งหมด

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. เอ็กโก พลัส ได้ลงนามสัญญาขั้นสุดท้ายเพื่อลงทุนทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 17.46 ใน Apex โดยเป็นผู้ลงทุนร่วมในบริษัทร่วมลงทุน ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกลุ่มกลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐานและพลังงานของ Ares Management Corporation (NTSE: ARES)

ทั้งนี้ บริษัทร่วมลงทุนดังกล่าวได้ลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ Apex โดย EGCO ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ในการนี้ EGCO ใคร่ขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบว่า การร่วมลงทุนของกลุ่มเอ็กโกได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 17 พ.ย.

Apex เป็นบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้าง
รายได้รวมกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2552 และขายโครงการพลังงานสะอาดให้กับ
กลุ่มลูกค้ในตลาดพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

การลงทุนนี้เป็นการลงทุนในบริษัทพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกของกลุ่ม EGCO การร่วมลงทุนใน Apex นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้กลุ่ม EGCO มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่โครงการใหม่อีกหลายโครงการ

อาทิ โครงการพลังงานลม พลังงาน แสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน ในตลาดพลังงานไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งมากกว่า 1,100 กิกะวัตต์ และมีโอกาสในการขยายการลงทุนในด้านพลังงานหมุนเวียนในอนาคต

นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม EGCO "Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth" เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับประชาคมโลกที่มุ่งหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ