เมเจอร์ฯ จัดทัพโรงหนังปี 65 เจาะ 77 จังหวัด ผลิตหนังไทยโกยเงินภูธร

เมเจอร์ฯ จัดทัพโรงหนังปี 65 เจาะ 77 จังหวัด ผลิตหนังไทยโกยเงินภูธร

เปิดประเทศแล้ว ธุรกิจเริ่มมีความคึกคัก หนึ่งในนั้นคือ “โรงภาพยนตร์” เพราะมาตรการคลายล็อกต่างๆ โดยเฉพาะการยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่สำคัญ ส่งผลบวกอย่างมากให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิต ธุรกิจ้เปิดให้บริการเต็มที่ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ จัดรุกหนักเปิดโรงหนังผลิตหนังไทย บุกภูธร

 เบอร์ 1 โรงภาพยนตร์ อย่าง “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ขานรับสัญญาณบวกช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ธุรกิจจะกลับมาได้ราว 80% สอดคล้องกับต่างประเทศทั้งสหรัฐ อังกฤษ เพราะปัจจัยบวกไม่ใช่แค่การเปิดประเทศ แต่ นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ยังให้เหตุผลว่า “คอนเทนท์” หรือหน้าหนังเป็นหัวใจสำคัญในการดึงคนกลับมาชมภาพยนตร์ ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายปี หนังฟอร์มยักษ์ตบเท้าเข้าฉายเฉลี่ย 30 เรื่องต่อเดือน

ทั้งนี้ หนังไทยและฮอลลีวู้ดเริ่มทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ไม่ว่าจะเป็น Fast & Furious 9 เร็ว...แรงทะลุนรก 9” จากค่ายยูไอพี ประเทศไทย เปิดตัวแรงเกินคาดกวาดรายได้กว่า 80 ล้านบาท หลังเข้าฉายเพียงแค่ 7 วัน ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงสุดของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในช่วงการเปิดโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนหนังฟอร์มยักษ์อย่าง “No Time To Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ” ทำรายได้ทั่วประเทศไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท เช่นเดียวกับหนังไทย “ร่างทรง” ทำเงินพุ่งสู่ 100 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว ยังทำให้บริษัทสามารถฉายหนังได้จำนวนรอบมากขึ้น ดดยเสาร์-อาทิตย์คาดแตะถึง 6 รอบต่อวัน จากปัจจุบัน 3-4 รอบต่อวัน และช่วงคลายล็อกต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำรอบได้ 2-3 รอบต่อวันเท่านั้น

 

เมเจอร์ฯ จัดทัพโรงหนังปี 65 เจาะ 77 จังหวัด ผลิตหนังไทยโกยเงินภูธร

แม้ภาพรวมธุรกิจโรงภาพยนตร์จะปรับตัวดีขึ้น แต่ที่ผ่านมาต้องเจอมาตรการห้ามรับประทานป๊อปคอร์นในโรงภาพยนตร์เป็นตัว “เบรก” การฟื้นตัวและสร้างรายได้ของผู้ประกอบการไม่น้อย เนื่องจากทุกครั้งที่ผู้บริโภคซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ จะสามารถจำหน่ายป๊อปคอร์นได้อีก 30% รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ที่ปัจจุบันผู้ประกอบการจำหน่ายตั๋วได้ 75% ของที่นั่งทั้งหมด การสร้างรายได้จึงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ข้อจำกัดทางธุรกิจข้างต้น ทำให้เมเจอร์ฯต้องปรับตัว มุ่งผลักดันรายได้ “ป๊อปคอร์น” พระรองที่ทำเงินอย่างโดดเด่น ด้วยการขยายตลาดเชิงรุกจำหน่ายนอกโรงภาพยนตร์ผ่านทั้งเดลิเวอรี่ คีออสฯ สามารถสร้างยอดขายได้ราว 50 ล้านบาทต่อเดือน และภารกิจจากนี้ จะบุกหนักเพื่อกระตุ้นยอดขายให้แตะ 100 ล้านบาทต่อเดือน ไม่เพียงทดแทนรายได้ที่หายไป แต่จะเป็นการสร้างน่านน้ำใหม่ของรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง ทยานสู่เป้าหมาย 5,000 ล้านบาทในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การเปิดเมือง 2 เดือนสุดท้าย อาจไม่มีพลังฟื้นธุรกิจที่ถูก “ล็อกดาวน์” กว่า 150 วัน ให้กลับสู่ภาวะปกติ ทำให้เมเจอร์ฯ มองข้ามช็อตไปสู่ปี 2565 ทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจโรงภาพยนตร์ จะเดินหน้าขยายสาขาสู่ต่างจังหวัดให้ครบ 77 จังหวัด และต่อจิ๊กซอว์สู่ระดับ “อำเภอ” เพื่อตอบสนองคอหนังภูธร ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตต่อเนื่อง

“โร้ดแมปปีหน้าของเมเจอร์ฯ จะมุ่งขยายโรงภาพยนตร์ไปยังต่างจังหวัดทั้งหมด เน้นหัวเมืองหลัก เมืองรอง ไม่มีกรุงเทพฯเลย ซึ่งปัจจุบันต่างจังหวัดกำลังสร้างรายได้ให้บริษัทเกินกว่า 60%”

นอกจากนี้ บริษัทพร้อมลุยผนึกพันธมิตรสร้างภาพยนตร์ไทย เพื่อเอาใจคนท้องถิ่น(Local) หลังจากรัฐคลายล็อกให้ผู้ผลิตออกกอง ทีมงานรวมตัวกันได้ 200 คน ซึ่งเป้าหมายปีหน้าบริษัทจะสร้างหนังไทยป้อนตลาดกว่า 20 เรื่อง ซึ่งหนังไทยถือเป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้การจำหน่ายตั๋วเติบโต เช่นกับประเทศเกาหลีที่มีประชากรไม่ถึง 70 ล้านคน แต่ยอดขายตั๋วหนังทะลุ 70 ล้านใบ สูงกว่าไทย 4-5 เท่าตัว

เมเจอร์ฯ จัดทัพโรงหนังปี 65 เจาะ 77 จังหวัด ผลิตหนังไทยโกยเงินภูธร

“ปัจจุบันเมเจอร์ฯมีโรงหนังทั้งไทยและต่างประเทศ 174 สาขา ขณะที่การขยายโรงหนังในต่างจังหวัด จะช่วยทำให้หนังไทยสามารถทำเงินได้เร็วขึ้น มีโอกาสแตะหลัก 100 ล้านบาทมากขึ้น”

 นรุตม์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมหนังไทยมีผู้ผลิตที่แข็งแกร่งมากขึ้น และโอกาสทางการตลาดของคอนเทนท์หนังไทยเปิดกว้างจากการมีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์ จึงต้องการให้รัตั้งกองทุน การให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนหนังไทยเสริมแกร่งให้กับ Soft Power ของไทยแข่งขันกับนานาประเทศได้

ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมภาพยนตร์ปีหน้าคาดกลับสู่ภาวะปกติเกือบ 100% ขณะที่หนังฟอร์มยักษ์ทุกค่ายคอนเฟิร์มเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เป็นที่แรกในช่วง 45 วัน ก่อนต่อยอดสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม

“ทุกค่ายคอนเฟิร์มให้โรงหนังเป็นเฟิร์สวินโดว์ที่จะฉายภาพยนตร์ แล้วค่อยไปสตรีมมิ่งต่างๆ และปีหน้าคอนเทนท์หนังแข็งแรงมาก หนังฟอร์มใหญ่เตรียมเข้าฉายจำนวนมาก”