ยังเลือกเก็งกำไรรายตัว เน้นหุ้นบริโภคในประเทศ

ยังเลือกเก็งกำไรรายตัว เน้นหุ้นบริโภคในประเทศ

สภาพัฒน์รายงาน GDP 3Q64 - 0.3% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาด -1.3% YoY ขณะที่ชะลอตัวลง -1.1% QoQ ดีกว่าคาดการณ์ที่ -4.0% ภาพรวมเป็นการยืนยันการผ่านจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจที่ได้รับผล กระทบจากการระบาดของโควิด

และมาตรการปิดเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว สัญญาณบวกด้านการใช้จ่ายมาจากการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่สัญญาณบวกด้านการผลิต มาจากด้านเกษตรกรรมและภาคบริการที่เห็นสัญญาณฟื้นชัดเจนขึ้น (ขณะที่ภาคการผลิตเริ่มชะลอลง) ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นบวกกับหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ อาทิ ธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์ กองรีทส์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน, ค้าปลีก, สื่อสาร ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวผันผวนไปตามตัวเลขสถานการณ์โควิดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

คปภ. ยืนยันห้ามยกเลิกกรมธรรม์ เจอ-จ่าย-จบ และถ้าจะเปลี่ยนไปเป็นตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็นประกันโควิด หรือชวนลูกค้าเปลี่ยนไปรับความคุ้มครองอื่นแทน (เช่น ประกันสุขภาพ หรือส่วนลดเบี้ยรถยนต์) ลูกค้าต้องยินยอม โดยไม่สามารถบังคับเปลี่ยนอัตโนมัติ ปัจจุบัน จะมีกรณีที่ลูกค้าถูกบังคับเลือกแค่ของ เอเชียประกันภัย ที่ถูกสั่งปิด ซึ่งหากลูกค้าติดโควิดแล้วเคลม ถ้าบริษัทจ่ายไม่ได้ กองทุนประกันภัยจะไปดูแล แต่ถ้ายังไม่ติด ก็จะต้องเลือกว่า จะรับเบี้ยคืนตามเวลาที่เหลือ หรือเปลี่ยนไปยอมรับประกันโคม่า (จากทางวิริยะฯ) แทน เรามองบริษัทประกันภัยที่ไม่ได้ขายประกันแบบเจอ จ่าย จบ จะได้รับผลกระทบจำกัดกว่า และมีโอกาสได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น หลังวิกฤติเคลมประกันโควิดที่น่าจะทำให้บริษัทประกันบางส่วนต้องปิดกิจการ โดยเรายังคงชอบ TIPH
 

 

ธีมการลงทุนระยะสั้น

1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER

2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP

3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH

4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA

5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW

6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ)

7) ความขัดแย้งสหรัฐ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT

8) กลุ่มการเงิน ที่เกี่ยวกับการบริโภค อาทิ NCAP, SAK, TK

ภาพรวมกลยุทธ์: กลับมายืนเหนือ 1,630 จุด ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1,650-1,660 จุด กลยุทธ์เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ ยังมีโอกาสเห็นการลดน้ำหนักหุ้นที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยภายนอก และกลับมาเพิ่มน้ำหนักหุ้นบริโภคในประเทศ //หุ้นแนะนำ: FSMART*, RS*, TIPH*, EA*

แนวรับ: 1,630 / แนวต้าน : 1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

ประเด็นการลงทุน

ไบเดน ลงนามกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้ว - วงเงิน $1 ล้านล้าน ซึ่งรวมถึงการสร้างถนน, สะพาน, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ หวังสหรัฐโตแซงหน้าจีน

รมว.คลังคาดเศรษฐกิจไทยปี 65 โต 4% –โดยสิ่งที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีนี้คือ ภาคการส่งออกที่ยังมีขีดความสามารถสูง รวมถึงเม็ดเงินจากภาครัฐที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกเกือบ 4 ล้านล้านบาท

FSMART – ชูแผนงานปี 65 ผลงานโตไม่ต่ำกว่า 10% จากธุรกิจการเงินตู้เวนดิ้ง แมชชีน พร้อมอัดฉีดงบลงทุน 1 พันล้านบาท เพิ่มทุนตู้เต่าบิน-ตู้บุญเติม พร้อมเล็งเปิดตู้แบงกิ้งเอเจนต์ในไตรมาส 4/64 อีก 1 ราย จากเดิม 8 ราย พร้อมเพิ่มตู้ถอนเงินอีก 100 ตู้ในเดือนธ.ค. นี้ 

เหรียญดิจิทัล – ประธานาธิบดีไบเดน ลงนามอนุมัติกฎหมายให้ประชาชนสหรัฐ รายงานการถือเหรียญดิจิทัล ที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์

Opportunity day – 17 พ.ย. – TPBI, SABINA, ERW, WPH, BBIK, CPN+GLAND, SMT, CPNREIT+CPNCG, TRUE, PSL, PLANB, MINT, DOHOME, 18 พ.ย. – PSH, BAM, IRPC, SKN, JWD, PROSPECT, BGC, NRF, RS, FORTH, RBF, PROUD / 19 พ.ย. – TFM, TCMC, JUBILE, ALLY, NVD, VCOM, TU, HANA, UAC, HUMAN

ประเด็นติดตาม: -   15-19 พ.ย. – Virtual conference ผู้นำสหรัฐ-จีน, 15 พ.ย. : TH GDP 3Q21, Chinese retail sales เดือน ต.ค., 16 พ.ย.: EU GDP 3Q21

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์