จับตาสหรัฐ-จีน (วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564)

จับตาสหรัฐ-จีน (วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อขาย โดยบวกเล็กน้อย 2-3 จุด แรงซื้อหุ้นส่วนใหญ่ มาจากบริษัทที่ประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าตลาดคาด

รวมไปถึงบริษัทที่มี outlook เติบโต แต่มีแรงขายใน หุ้นกลุ่มพลังงาน ทั้ง PTTEP, PTT นักลงทุนติดตามการประกาศงบที่จะสิ้นสุดในวันที่ 15 พ.ย. ทำให้ ตลาดหุ้น เคลื่อนไหว sideway ในช่วงที่ผ่านมา และที่ประชุมศบค. เลื่อนเปิดสถานบันเทิงไปเป็น 16 ม.ค. 65 ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,633.94 จุด +1.50 จุด +0.09% มูลค่าการซื้อขาย 70,359 ลบ.ต่างชาติ +0.81 ลบ. TFEX +7,401 สัญญา ตราสารหนี้ +3,800.07 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 179.08 จุด +0.50% ขานรับการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และแผนปรับโครงสร้างของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) แม้ผิดหวังกับการเปิดข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐก็ตาม
+ ECB เปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยูโรโซนคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนจะเพิ่มขึ้น 3% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ก่อนชะลอตัวกลับสู่เป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%
+ องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) อนุมัติให้ใช้ยารักษาโรคโควิด-19 เพิ่มอีกสองรายการ ได้แก่ ยาโรนาพรีฟ (Ronapreve) ของสัญชาติอเมริกันและสวิตเซอร์แลนด์ และยาเรกคิโรนา (Regkirona) ของจากเกาหลีใต้
+ รัฐบาลเผยสถานการณ์โควิดในชายแดนใต้ดีขึ้น-เล็งเปิดด่านรับนักท่องเที่ยวปลายปี
+ซูเปอร์โพล พบคนพอใจต่อภาพรวมการเปิดประเทศ-เร่งฉีดวัคซีน-มาตรการกระตุ้นศก.
+ราชกิจจาฯปรับลดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 6 จังหวัด ผ่อนปรนร้านเกม-อินเทอร์เน็ต มีผล 16 พ.ย.
+ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,343 ราย ATK 1,155 ราย มีผู้เสียชีวิต 45 ราย รักษาหาย 7,663 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 80 เซนต์ -1% ปิดที่ 80.79 ดอลลาร์/บาร์เรล และ -0.6% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยถูกกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และความเป็นไปได้ที่สหรัฐอาจจะระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
 

- จีนเร่งดำเนินการรับมือการระบาดของโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 17 เดือน โดยขอความร่วมมือให้จัดกิจกรรมและงานอีเวนต์ต่าง ๆ ทางออนไลน์แทน
- ปธน.สหรัฐลงนามในกฎหมาย Secure Equipment Act เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทต่าง ๆ ซึ่งสหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ อาทิ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ หรือ แซดทีอี คอร์ป ได้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับอุปกรณ์ใหม่จากฝ่ายกำกับดูแลของสหรัฐ
- WHO เปิดเผยว่า ทวีปยุโรปรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เกือบ 2 ล้านรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นยอดติดเชื้อรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในยุโรป
- ญี่ปุ่นเผย GDP Q3/64 หดตัว 3%YoY เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงหนุนหุ้นกลุ่ม Reopening Play หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนยังจับตาการประชุมทางไกลระหว่าง สหรัฐ-จีน เพื่อหารือแนวทางการค้าในวันนี้ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1626-1,640 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
• หุ้นได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV เน้นลงทุนหุ้นอสังหาฯ P/E ต่ำ แนะนำ LH QH AP SPALI SIRI ORI LALIN PSH
• MSCI Global Small Cap Indexes หุ้นเข้า BEC TIPH TIDLOR หุ้นออก TKN

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                     PTT (Bloomberg consensus 48.0 บาท)

จับตาสหรัฐ-จีน (วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564)

•รายงานกำไร 3Q64 ที่ 2.36 หมื่นลบ. ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 5% ลดลง 4%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 68%YoY เนื่องจากกำไรจากโรงกลั่น และปิโตรเคมีปรับตัวลง หลังต้นทุนปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน ขณะที่ธุรกิจถ่านหินปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน

•กำไรช่วง 9M64 อยู่ที่ 80,819 ลบ. +228%YoY เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากงวดเดียวกันของปีก่อน

•ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อผลประกอบการของ PTT ใน 4Q64 แม้ว่าธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ จะปรับตัวดีขึ้น แต่ถูกหักล้างปิโตรเคมีถูกกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เราจึงแนะนำ ถือ

 

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM ( ฺBloomberg Consensus 56.13 บาท) ลุยเพิ่มฐานลูกค้าอุตสาหกรรมเดินหน้าซื้อกิจการ-ลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมหวังรับรู้รายได้ทันที พร้อมขยายพอร์ตพลังงานทดแทน มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero เล็งเปิด 5 โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ด้านรายได้ไตรมาส 3/2564 โต หนุน 9 เดือนมีกำไร 2,228 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DOD ( ฺBloomberg Consensus - บาท) ข่าวดีส่งท้ายเพียบ คว้าออเดอร์ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 5 ผลิตภัณฑ์ จากลูกค้าธุรกิจค้าปลีกชั้นนำเข้าพอร์ต จ่อทยอยส่งมอบภายในปี 2564 และเตรียมเสิร์ฟออเดอร์ Soft Gel จากสารสกัด Hemp Seed Oil ให้ลูกค้ารายแรกปลาย พ.ย. 2564 ด้าน CEO "ธนิน ศรีเศรษฐี" นับถอยหลัง รับใบอนุญาตตั้งโรงสกัดสาร CBD ภายใน ธ.ค. 2564 นี้(ที่มา ทันหุ้น)

(+) SABUY (Bloomberg Consensus 16.00 บาท) SABUY ผนึก FSMART ตั้งบริษัทร่วมทุน ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจเครือข่ายร้านรับส่งพัสดุ ซ่อมแซมตู้จำหน่ายสินค้า การให้บริการจุดบริการชาร์จรถไฟฟ้าและพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต คาดเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 หนุนรายได้ปี 65 โตไม่ต่ำกว่า 50% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TSE (Bloomberg Consensus - บาท) เร่งปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้า 1-2 โครงการภายในไตรมาส 4 ปีนี้ หวังรับรู้รายได้ทันที พร้อมเดินเกมปี 65 ขยายแผนลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หวังเพิ่มกำลังผลิตเข้าพอร์ตอีก 100-200 เมกะวัตต์ใน 5 ปี ส่วนงบไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 208.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.98% ดัน 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิโต 85.31% แตะ 593.05 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)