"บล.กสิกรไทย" เชียร์ซื้อหุ้น KCE กำไรโตแกร่ง - PTTEP น้ำมันพุ่งยาวถึงสิ้นปี

"บล.กสิกรไทย" เชียร์ซื้อหุ้น KCE กำไรโตแกร่ง - PTTEP น้ำมันพุ่งยาวถึงสิ้นปี

บล.กสิกรไทย คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (15-19 พ.ย.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,640 จุด  แนะนำหุ้นเด่น KCE คาดกำไรไตรมาส 4/64 โตต่อเนื่อง และ PTTEP รับอนิสงส์ราคาน้ำมัยขาขึ้นยาวไปถึงปลายปี

หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์หน้า

- KCE (ราคาพื้นฐาน 104.00 บาท) รายงานกำไรปกติไตรมาส 3/64 แข็งแกร่งที่ 602 ลบ. เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า YoY และ 7.7% QoQ สอดคล้องกับที่เราคาดไว้ แม้ประสบปัญหาในการดำเนินงาน โดยเราคาดว่ากำไรจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/64 จากเครื่องจักรใหม่ที่เข้ามาในเดือน พ.ย. และ GPM ที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากการกลับมาดำเนินงานตามปกติ

- PTTEP (ราคาพื้นฐาน 134.00 บาท) แนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงไปตลอดช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ จะช่วยหนุนมูลค่าหุ้นให้ซื้อขายอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยในอดีตได้ โดยเรามองกำไรจะเติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 และต่อเนื่องไปในปี 65

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

-15 พ.ย. : การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของจีน (Fixed Asset Investment) (ปีต่อปี) (ต.ค.) ตลาคดาด 6.2%, ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน (ปีต่อปี) (ต.ค.) ตลาคดาด 3.0%

-16 พ.ย. : ดัชนีจีดีพี (GDP) (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3) ตลาคดาด 2.2%, ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) (เดือนต่อเดือน) ( ต.ค.) ของสหรัฐตลาคดาด 0.7%       

-17 พ.ย. : ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ต.ค.) ของอังกฤษตลาคดาด 3.2%, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ต.ค.) ของยูโรโซนตลาคดาด 4.1%

-18 พ.ย. : ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (พ.ย.) ของสหรัฐตลาดคาด 21.5

-19 พ.ย. : ดัชนีผู้ผลิต (PPI) เยอรมนี (เดือนต่อเดือน) (ต.ค.) ตลาดคาด 1.2%

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงเป้า SET ล่วงหน้า 12 เดือนไว้ตามเดิมที่ 1,680 จุด คำนวณด้วย EPS ที่ 94.51 และ EYG ที่ 3.72% (-0.75 SD) ขณะที่เป้าสิ้นปี 2564-2565 อยู่ที่ 1,650/1,710 จุด เราคงมุมมองบวกต่อทิศทางการเติบโตในไตรมาส 4/64 หนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การเปิดประเทศ การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน

ความเป็นไปได้ที่มากขึ้นที่สหรัฐและจีนจะยุติสงครามการค้าภายในสิ้นปี 2564 และกระแสเงินที่ไหลเข้ามายังประเทศไทยจากสถานะ laggard เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามองในไตรมาส 4/64 ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้ Fed ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็วกว่าที่เราคาดไว้และสภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัวลง

โดยเรามีกลยุทธ์การลงทุนอยู่ด้วยกัน 4 ธีม

1) หุ้นอิงปัจจัยการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ (BBL CPALL AOT AWC และ AMATA)

2) หุ้นที่มีทิศทางกำไรดีในปี 2565 (ASK และ KCE)

3) กลุ่ม Anti-oil (BGC EPG และ BGRIM)

4) หุ้นกลุ่มรับเหมา (CK) จะได้ประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐหลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด