Sideways เก็งกำไร BEM AOT CHAYO (11 พ.ย. 64)

Sideways เก็งกำไร BEM AOT CHAYO (11 พ.ย. 64)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1635 / 1640 จุด แนวรับ 1625 / 1618 จุด (EMA 50 วัน) แนะนำ เก็งกำไร BEM AOT CHAYO ทางเทคนิค ดัชนีฯ ยังคงสร้างฐานที่ 1625 จุด

เพื่อขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1635 จุด ซึ่งหากผ่านไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อรอบใหม่

ปัจจัยบวก 1) กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป พร้อมทั้งเผยมุมมองเชิงบวกต่อ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย 2) ยอดผู้ติดเชื้อที่เริ่มทรงตัวอยู่ ในระดับต่ำ ทำให้การผ่อนคลายล็อกดาวน์เพิ่มเติม จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพื่อช่วยให้ภาคเศรษฐกิจจริงกลับมาฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยลบ 1) ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสูงกว่าคาดในหลายประเทศ เป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้น
แกว่งตัวในแดนลบ จากมุมมองของตลาดที่ขัดแย้งกับธนาคารกลาง กล่าวคือ ตลาดมองว่า
เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นมาไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น รวมถึง
หุ้นมีแนวโน้มผันผวนมากกว่าปกติ 2) ราคา Commodity เริ่มกลับมาปรับตัวลงอีกครั้ง ทั้ง
ราคาน้ำมันและราคาถ่านหิน ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานต่อไป

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

1. หุ้นกลุ่ม Domestic Play ซึ่งจะได้ประโยชน์กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี โดยแนะนำกลุ่มเก็งกำไรกลุ่มขนส่ง เนื่องจากได้รับประโยชน์ทันทีจากการเดินทางที่สูงขึ้น ทั้งจากคนที่ทยอย กลับมาทำงานในออฟฟิศ การเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล หุ้นแนะนำ BEM BTS AOT

2. หุ้นกลุ่ม AMC บริหารหนี้ ซึ่งได้ประโยชน์จากยอดเก็บหนี้ที่ดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยังได้ประโยชน์จากการตรึงดอกเบี้ยของกนง. หุ้นแนะนำ CHAYO JMT

 

 

ประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตาม

- รายงานผลกำไร 3Q21E Earnings Results: SAT BEM
- ตัวเลข PPI เดือน ต.ค. ของญี่ปุ่น โดย Consensus คาดปรับตัวสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY
- อัตราการว่างงานเดือน ต.ค. ของออสเตรเลีย โดย Consensus คาดปรับตัวสูงขึ้นที่ 4.8%
- GDP ไตรมาส 3 ของอังกฤษ โดย Consensus คาดเติบโตลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย: ดัชนีฯ วานนี้แกว่งตัวในแดนลบกรอบ 1625 – 1632 จุด ก่อนลดช่วงลบในช่วงบ่าย หลังกนง. ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย และเผยมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย ก่อนปิดตลาดที่ 1630.47 จุด -1.22 จุด วอลุ่มซื้อขายเบาบาง 6.8 หมื่นล้านบาท นำลบโดยกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ -1.50% กลุ่มพาณิชย์ -0.86% กลุ่มธนาคาร -0.48% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ -0.14% หุ้นบวก >4% KCE BE8 ICN NEX AP TEAM TAKUNI ETC SVOA ORI NCAP IT SNNP SAK หุ้นลบ >4% MTC LANNA HENG IP CMO TR SFLEX ALT PAP KTIS

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ แต่ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA -0.66% S&P500 -0.82%
NASDAQ -1.66% หลังจากเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 6.2% สูงสุดในรอบ 31 ปี (Vs คาดการณ์ 5.8% YoY) อาจส่งผลให้เฟดอาจจำเป็นต้องเร่งใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเร็วขึ้นนำลงโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยี ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก DAX +0.17% CAC40 +0.03% FTSE +0.91% จากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธุรกิจสื่อและพลังงาน

+/- น้ำมันร่วง ส่วนทองปิดบวกต่อเนื่อง : WTI -USD2.81 ปิดที่ USD81.34/บาร์เรล Brent
-USD2.14 ปิดที่ USD82.64/บาร์เรล เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นและข่าวรมว.พลังงานสหรัฐฯ เผยประธานาธิบดีไบเดนอาจดำเนินมาตรการสัปดาห์นี้ เพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ส่วนราคาทองคำปิดสูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. +USD17.50 ปิดที่ USD1,848.30/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

 

 

ประเด็นสำคัญ
 

- USA: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 6.2% YoY ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 1990 และ (Vs Consensus คาด 5.8% และเดือนก.ย. 5.4%) และเพิ่มขึ้น 0.9% MoM (Vs Consensus คาด 0.6% และเดือน ก.ย. 0.4%)

- China: ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ มีแนวโน้มผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ วงเงินกว่า USD148mn ในวันนี้ ซึ่งเป็นดอกเบี้ยของหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน เม.ย. 2022, 2023 และ 2024 มูลค่ารวม USD3bn

+ THAILAND: กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% พร้อมทั้งประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสที่ 3 ส่วนคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ที่ 0.7% และ 3.9% ในปี 2021 และปี 2022 ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: JMT MTC CPALL

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BEM AOT CHAYO

Derivatives: ถือ Short S50Z21 ที่เปิดไว้ต้นทุน 970 จุด รอทำกำไรตามเป้า (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)