ระยะสั้นอาจผันผวนจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ แค่ยังลุ้น MSCI ปลายสัปดาห์

ระยะสั้นอาจผันผวนจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ แค่ยังลุ้น MSCI ปลายสัปดาห์

สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อต.ค. +0.9% MoM และ 6.2% YoY สูงสุดในรอบ 31 ปี และเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดที่ +0.6% MoM และ +5.9% YoY และเร่งตัวขึ้นมากจาก ก.ย.ที่ +0.4% MoM และ +5.9% YoY ซึ่งการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อต.ค.เป็นไปตามที่เราคุยกับนักลงทุน

โดยเฉพาะหากพิจารณาเทียบจากฐานราคาพลังงานที่ต่ำในปี 2563 ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อ ต.ค.64 เพิ่มขึ้นแบบกระโดด แต่ตัวเลขดังกล่าวน่าจะชะลอตัวลงในช่วง พ.ย.64-ม.ค.65 จากราคาพลังงานที่เร่งตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด ดังนั้นเราประเมินเงินเฟ้อในปัจจุบันน่าจะอยู่ในระดับสูงสุด หรือใกล้ที่จะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดอาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรในระยะสั้นได้ ซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการเลือกเก็งกำไรที่ดี โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวจากการบริโภคในประเทศที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง

คาด MSCI รอบนี้มีโอกาสปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย

ผลของการปรับลดลงของหุ้นจีนและฮ่องกงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้น้ำหนักการลงทุนสัมพันธ์ของหุ้นจีนเล็กลงเทียบกับตลาดอื่น ดังนั้นเราประเมินการปรับหุ้น (rebalancing) ของ MSCI รอบนี้ (ทราบผลเช้า 12 พ.ย.) มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะได้น้ำหนักการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเราคาดว่าจะส่งผลดีจ่อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 ที่มีโอกาสได้รับจัดสรรรเงินลงทุน (allocation) ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ KBANK, SCB, GULF, TOP, TRUE, CPN, IRPC, BH, BBL, TTB, INTUCH, BEM, IVL, PTTEP, PTTGC เป็นต้น ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก ได้แก่ ORI, CENTEL, JMART, SPRC, BCP, AAV //สำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงถูกปรับลดน้ำหนัก (ประเมินจากหุ้นที่ลดลงมากกว่า SET50 มากๆ) ได้แก่ DELTA, STGT, CBG, STA
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น

1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER

2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP

3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, BLA, TIPH, THRE (แต่อาจต้องระวังการเคลมประกันโควิด)

4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA

5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW

6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ)

7) เก็งกำไรทางเทคนิค EGCO, GPSC, GULF, BGRIM, CBG, PM, SGF, SIS, SYNEX, IT, SVOA, MFEC, SECURE, IRCP, BCH, CHG, BDMS, FORTH, PACO, PLANB, SHR, TR, ETC, BOL

ภาพรวมกลยุทธ์ : ผันผวนระยะสั้น แต่ยังลุ้นสัปดาห์นี้ยืน 1,630 จุด เพื่อฟื้นตัวกลับไปเล่นในกรอบบน หรือทดสอบ 1,650-1,660 จุด โดยคาด MSCI มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย กลยุทธ์เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ //หุ้นแนะนำ: ADVANC*, FSMART*, LH*, ETC*

แนวรับ: 1,622 / แนวต้าน : 1,635-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

ประเด็นการลงทุน

คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยสองครั้งในปีหน้า  - เจมส์ บัลลาร์ด ประธานธนาคารกลางเซนต์หลุยส์ คาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานสองครั้งในปีหน้า หลังจากที่ยกเลิกโครงการซื้อพันธบัตรเสร็จสิ้นแล้ว

ธปท.ตามนัด! คงดอก 0.5% – กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.5 ย้ำไทยผ่านจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 3

ศบค.เคาะนำเข้าแรงงาน - ชงแนวทางนำเข้าแรงงานข้ามชาติเข้าศบค.ศุกร์นี้ ดำเนินการภายใน 30 วัน เอกชนพร้อมจ่ายไม่เกินหัวละ 2 หมื่น

กนอ.ลงนาม 7 พันธมิตรนำร่องนิคมอุตฯมาบตาพุด- กนอ.จับมือพันธมิตรธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น ปักหมุดมาบตาพุดแจ้งเกิดนิคมอุตสาหกรรมสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

คาดม.ค.65 เริ่มใช้เกณฑ์บริหารสภาพคล่องกองทุนรวม - ก.ล.ต. คาด 1 ม.ค. 65 ใช้เกณฑ์บริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของกองทุนรวม หวังคุ้มครองผู้ลงทุนได้รับความเป็นธรรมเพิ่มขึ้น และลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของกองทุนรวม

BGRIM – ลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในมาเลเซีย 3,165 ล้านบาท เพื่อถือหุ้น 40.6% ใน Pimpinan Ehsan Berhad (PEB) คาดแล้วเสร็จ 1Q64 โดยจะรับรู้กำลังการผลิต 39.6MW ทันที และเพิ่มอีก 36.5MW ในช่วง กลางปี 2565 และอีก 90.8MW ในช่วงกลางปี 2566 บวกต่อกำไร 2% และเพิ่มเป็น 4% ในปี 2567 เพิ่ม TP ได้ 0.70 บาท/หุ้น

 

ประเด็นติดตาม: -   11 พ.ย. – TH: MSCI Rebalancing

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)