"GPSC" ตั้งเป้าปี65 ติดตั้งโซลาร์รูฟ กว่า 100 เมกกะวัตต์ 

"GPSC" ตั้งเป้าปี65 ติดตั้งโซลาร์รูฟ กว่า 100 เมกกะวัตต์ 

"GPSC" ตั้งเป้าปี65 ติดตั้งโซลาร์รูฟ กว่า 100 เมกกะวัตต์ ในรูปแบบ EPC เผย เปิดประเทศ ดันเศรษฐกิจพุ่ง แนวโน้มไตรมาส 4 ดีมานด์ไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นแรงหนุน

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า แม้ว่าปี 2564 ประเทศไทยยังคงเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังรักษาและพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำของกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยมาตรการเข้มข้นสูงสุดในการป้องกันและการบริหารจัดการ ผ่านศูนย์เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส (GPSC G-COVID Center) และกำหนดพื้นที่ควบคุมพิเศษ พร้อมตั้งทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจของแต่ละโรงไฟฟ้า ห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่สำนักงาน และพื้นที่ปฏิบัติการอย่างเข้มงวด ส่งผลให้การดำเนินการผลิตไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูโภคของบริษัทเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและความมั่นคง ซึ่งสามารถรองรับกับความต้องการใช้พลังงานของประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  

การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวของไทยและเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับภาคการผลิตจะเร่งส่งมอบสินค้าเพื่อรองรับช่วงเทศกาลในปลายปี มีแนวโน้มที่ความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำจะสูงขึ้นในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามต้นทุนด้านพลังงานที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นประกอบด้วย” นายวรวัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ในระยะยาว บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สอดรับกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ที่มุ่งสู่พลังงานสะอาดในการลดภาวะโลกร้อน โดย GPSC มีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมพลังงานเพื่อความยั่งยืน 1 ใน 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีสัดส่วนของพลังงานสะอาดมากกว่า 50% ผ่าน 4 กลยุทธ์หลักหรือ 4S ประกอบด้วย S1: Strengthen and Expand the Core  S2: Scale–up Green Energy  S3: S-Curve & Batteries และ S4: Shift to Customer–centric Solutions  

โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามในความร่วมมือกับ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด (CHPP) บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100% ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) (TGO) และบริษัท นีโอคลีน เอ็นเนอยี่ จำกัด (NEO) เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการลงทุนติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตภายใต้โครงการ Solar Orchestra ที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน Solar Rooftop และขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือโครงการ T-VER  และการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ ที่เรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” ซึ่งสามารถนำคาร์บอนเครดิตไปใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ โดยตั้งเป้าหมายการติดตั้ง Solar Rooftop กว่า 100 เมกกะวัตต์ ในรูปแบบของสัญญาผู้รับเหมาออกแบบและก่อสร้าง (EPC) ให้แก่ลูกค้า ภายในสิ้นปี 2565