AOT พ้นจุดต่ำสุด"เปิดประเทศ"ปลุกชีพการบิน

AOT พ้นจุดต่ำสุด"เปิดประเทศ"ปลุกชีพการบิน

เข้าสู่วันที่ 5 ของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจาก 63 ชาติ เดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย จำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆ ลดลง ประกอบกับการฉีดวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น

รัฐบาลจึงตัดสินใจครั้งสำคัญเปิดประเทศเพื่อหวังฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของโควิด-19 โดยตลอด 4 วันที่ผ่านมา บรรยากาศในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ภายใต้มาตรการคุมเข้มที่เกิดจากความร่วมมือกันของทุกฝ่าย โดยข้อมูลจาก ศบค. ระบุว่าในช่วงวันที่ 1-2 พ.ย. มีผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งหมด 4,510 ราย และจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR พบว่า มีนักท่องเที่ยวติดเชื้อโควิด-19 รวม 6 ราย

ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญในการเดินทางเข้าประเทศ กำหนดให้ผู้เดินทางต้องฉีดวัคซีนครบโดส มีผลตรวจยืนยันว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR จากประเทศต้นทางไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง รวมทั้งต้องทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์ มีการจองโรงแรมที่พักล่วงหน้า และต้องลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบ Thailand Pass

นอกจากนี้ ให้เดินทางเข้ามาด้วยเครื่องบินเท่านั้น เลยทำบรรยากาศในสนามบินช่วงนี้เริ่มกลับมาคึกคัก มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ถือเป็นข่าวดีสำหรับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ด้วยเช่นกัน

โดยปัจจุบัน ทอท. หรือ AOT มีสนามบินภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานภูเก็ต, ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

ซึ่งที่ผ่านมาผลประกอบการของ AOT ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากวิกฤตโควิด หลังต้องปิดประเทศนานหลายเดือน นักท่องเที่ยวลดฮวบ ขณะที่การเดินทางในประเทศเงียบเหงาลง โดยกำไรสุทธิงวดปี 2563 (ต.ค. 2562 - ก.ย. 2563) เหลือเพียง 4,320.68 ล้านบาท ลดลงถึง 82.74% จากงวดปีก่อนที่ 25,026.37 ล้านบาท

มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งหมด 515,185 เที่ยวบิน ลดลง 42.51% จากปีก่อน และมีผู้โดยสาร 72.64 ล้านคน ลดลง 48.80% จากปีก่อน เห็นงบปี 2563 (ต.ค. 2562 - ก.ย. 2563) ว่าหนักแล้ว แต่งวดปี 2564 (ต.ค. 2563 - ก.ย. 2564) ต้องบอกว่าสาหัสยิ่งกว่า เพราะรับรู้ผลกระทบจากโควิดเต็มปี และสถานการณ์ดูจะรุนแรงยิ่งกว่างวดปีก่อน

โดยผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2564 (ต.ค. 2563 – ก.ค. 2564) พลิกขาดทุนมากถึง 11,164.54 ล้านบาท จำนวนเที่ยวบินอยู่ที่ 217,579 เที่ยวบิน ลดลง 50.42% จากปีก่อน และผู้โดยสารรวม 19.02 ล้านคน ลดลง 70.81% จากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการโค้งสุดท้ายของปี (ก.ค.-ก.ย. 2564) ยังโคม่า เพราะเป็นช่วงพีคของการระบาดรอบล่าสุด ต้องยอมรับสภาพขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจุดต่ำสุดของธุรกิจจากผลกระทบวิกฤตโควิดได้ผ่านไปแล้ว ผลประกอบการงวดปี 2565 (ต.ค. 2564 - ก.ย. 2565) จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายและนำมาสู่การเปิดประเทศ แม้ว่าการเดินทางช่วงแรกอาจไม่คึกคัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ผู้บริหาร ทอท. เคยระบุไว้ว่าผลประกอบการของบริษัทจะถึงจุดคุ้มทุนก็ต่อเมื่อผู้โดยสารกลับมาที่ระดับ 50% หรือ ครึ่งหนึ่งของศักยภาพที่สนามบินรองรับได้ ซึ่งก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 สนามบินทั้ง 6 แห่งของทอท. รองรับผู้โดยสารได้ราว 142 ล้านคนต่อปี

ขณะที่บริษัทตั้งเป้าว่างวดปี 2565 จะมีผู้โดยสารรวม 62 ล้านคน เข้าใกล้จุดคุ้มทุนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดว่าธุรกิจจะฟื้นหรือไม่? คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิดเป็นหลัก ต้องภาวนาว่าเมื่อเปิดประเทศแล้วจะไม่เกิดการระบาดรอบใหม่ที่รุนแรงขึ้น

รวมทั้ง ต้องลุ้นว่านักท่องเที่ยวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทยจะกลับมาเมื่อไหร่ ซึ่งจะเป็นอัพไซด์สำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยและธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างสนามบิน

ในส่วนของราคาหุ้น AOT ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เคลื่อนไหวล้อไปกับสถานการณ์โควิด ช่วงไหนที่มีการระบาดหนักๆ ราคาหุ้นจะย่อตัวลง เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจะมีแรงซื้อกลับ โดยปัจจุบันราคาหุ้น AOT ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 40% จากจุดต่ำสุดในช่วงเดือนมี.ค. 2563 ที่ 45.25 บาท เมื่อสถานการณ์เริ่มเป็นใจจึงไม่แปลกที่ AOT จะเป็นหุ้น Top Pick รับธีมเปิดประเทศของหลายๆ โบรก